จากกรณีที่ นางนรีรัตน์ ปรมัตถ์วินัย ภรรยาของ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ถือหุ้นเกิน 5% ในบริษัท ปานะวงศ์ จำกัด และบริษัท ปานะวงศ์ รีแอลที จำกัด องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเสียงข้างมากวินิจฉัย ว่า นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ไม่สิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรีเฉพาะตัว จากกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เสนอ คำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 (1)วรรค5
โดยศาลวินิจฉัยตามข้อเท็จจริงได้ว่า รัฐธรรมนูญ 2560 มีผลบังคับใช้ในวันที่ 6 เมษายน 2560 ให้ถือเป็นวันเริ่มรับตำแหน่งรัฐมนตรีของนายดอน อีกทั้ง คู่สมรสได้ทำหนังสือใบโอนหุ้น ในบริษัทปานะวงศ์ จำกัด และบริษัทปานะวงศ์ รีแอลที จำกัด ให้กับบุตรชายอย่างถูกต้อง ในวันที่ 27 เมษายน 2560 และวันที่ 30 เมษายน 2560 ซึ่งเป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดว่า รัฐมนตรีและคู่สมรสจะต้องไม่ถือครองหุ้นเกิน 5% และจะต้องชี้แจงต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ภายใน30 วัน และจากหลักฐานพบว่า หลังจาก โอนหุ้นให้กับบุตรชายแล้ว คู่สมรสของนายดอนได้ถือครองหุ้นแต่ละบริษัทเพียงร้อยละ 4 ซึ่งไม่เกินตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญที่กำหนดไว้
ดังนั้น นายดอน จึงไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรค (1)วรรค5 ประกอบรัฐธรรมนูญมาตรา 187 ไม่ต้องสิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรี เฉพาะตัว โดยหลังจากนี้คู่ความสามารถคัดสำเนาคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญได้ภายใน 15 วัน
ขณะที่ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวภายหลังเข้ารับฟังคำวินิจฉัยของศาลว่า ถือว่าเรื่องยุติแล้ว หลังจากนี้ต้องกลับไปทำงานอย่างเต็มที่ โดย
ยอมรับว่าใช้เวลา 6 เดือน ในการเตรียมเอกสารเพื่อประกอบคำชี้แจงต่อศาล
ส่วนบทบาททางการเมืองหลังจากนี้ขอยืนยันว่า จะไม่เข้าไปอยู่ในสังกัดของพรรคการเมืองใด และไม่สมัครสมาชิกพรรคใด ในประทศนี้มีทรัพยากรบุคคลที่มีความรู้ความสามารถเพียงพอ รวมถึง
หลังการเลือกตั้งจะไม่ขอรับตำแหน่งใดๆในทางการเมือง