ก.ท่องเที่ยวฯ เผยตัวเลขนักท่องเที่ยวเดือนต.ค.หดตัว 0.51% จากนักท่องเที่ยวจีนที่หดแรง 19.8% ขณะที่ 10 เดือน นักท่องเที่ยวยังโต 7.84% แตะ 31.2 ล้านคน
เมื่อวันที่ 21 พ.ย. นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติเดือนต.ค.2561 มีทั้งสิ้น 2,712,033 คน ลดลง 0.51% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากนักท่องเที่ยวจีนที่ติดลบ 19.8% โดยนักท่องเที่ยวที่มีจำนวนมากที่สุด 10 อันดับแรก ได้แก่ จีน มาเลเซีย ลาว เกาหลี ญี่ปุ่น อินเดีย รัสเซีย อเมริกา กัมพูชา และสิงคโปร์
“ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติติดลบเป็นครั้งแรกในรอบ 10 เดือนของปีนี้ เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนติดลบค่อนข้างมาก และนักท่องเที่ยวยุโรปก็ลดลงเช่นกัน จากเศรษฐกิจของยุโรปที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง โดยเฉพาะจากประเด็น Brexit ของอังกฤษ ซึ่งสร้างความสับสนให้ตลาดยุโรป
ส่วนมาตรการยกเลิกค่าธรรมเนียมวีซ่านักท่องเที่ยว (VOA) รายละ 2,000 บาท ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย.2561 นั้น มีส่วนกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมา เห็นได้จากในช่วงวันที่ 1-14 พ.ย. ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติติดลบ 2.12% และเมื่อเริ่มมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า ทำให้ตั้งแต่วันที่ 1-20 พ.ย. นักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ 2 ล้านคน เพิ่มขึ้น 0.52% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
อย่างไรก็ตาม มาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า ไม่ได้ทำให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนพลิกกลับมาเป็นบวก เพราะทำให้ตัวเลขระหว่างเดือนที่ติดลบ 20% ติดลบลดลงเหลือ 19% แต่ได้ทำให้นักท่องเที่ยวอินเดียเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
นายพงษ์ภาณุ กล่าวว่า สำหรับในช่วง 10 เดือนของปีนี้ (ม.ค.-ต.ค.2561) ไทยมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 31,253,920 คน เพิ่มขึ้น 7.84% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และสร้างรายได้รวม 1,631,518.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.98%
ส่วนสถานการณ์ท่องเที่ยวชาวไทยเที่ยวไทยในเดือน ก.ย./ถ61 มีชาวไทยเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศจำนวน 13.44 ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้น 2.46% และการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวของชาวไทย คาดว่าจะก่อให้เกิดรายได้ 93,089.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.50% ทั้งนี้ การท่องเที่ยวเมืองหลักและเมืองรองมีการเติบโตเป็นบวกอย่างเข้มแข็งทุกเดือน
นายพงษ์ภาณุ ยอมรับว่า เป้าหมายรายได้จากการท่องเที่ยวปีนี้ที่ตั้งไว้ 3 ล้านล้านบาทนั้น ไม่มั่นใจว่าจะทำได้หรือไม่ เพราะเป้าหมายรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ตั้งไว้ 2 ล้านล้านบาท ขณะนี้ทำได้เพียง 1.632 ล้านล้านบาท เท่ากับว่าในช่วง 2 เดือนสุดท้าย จะต้องทำรายได้อีก 3.7 แสนล้านบาท หรือเฉลี่ยเดือนละ 1.8 แสนล้านบาท ซึ่งถือว่าไม่ง่าย