จับกระแส! นักท่องเที่ยวจีนทรุดติดต่อกัน 4 เดือน

สถานการณ์การท่องเที่ยวไทยกำลังน่าเป็นห่วง หลังจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รายงานว่านักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือน ต.ค.2561 มีทั้งสิ้น 2.71 ล้านคน ติดลบ 0.51% และเป็นการติดลบเดือนแรกในรอบปีนี้ ซึ่งสาเหตุหลักมาจากนักท่องเที่ยวจีนลดลง 19.8%

หากโฟกัสเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติอันดับ 1 ของไทยต่อเนื่องกันหลายปี จนปัจจุบันนักท่องเที่ยวจีนมีจำนวน 1 ใน 3 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติในไทย แต่ปรากฎว่านับตั้งแต่เดือน ก.ค.2561 เป็นต้นมา จำนวนนักท่องเที่ยวจีนหดตัวติดต่อกัน 4 เดือน

โดยในเดือน ก.ค.นักท่องเที่ยวจีนมีจำนวน  9.29 แสนคน ติดลบ 0.87% เดือน ส.ค. มีจำนวน 8.67 แสนคน ติดลบ 11.77% เดือน ก.ย. มีจำนวน 6.51 แสนคน ติดลบ 14.89% และล่าสุดเดือน ต.ค. มีจำนวน 6.46 แสนคน ติดลบ 19.8%

สาเหตุที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนลดลงต่อเนื่อง เป็นผลจากเหตุการณ์เรือนักท่องเที่ยวจีนล่มที่ภูเก็ต เมื่อวันที่ 5 ก.ค. ส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวจีนเสียชีวิต 47 ราย มีการแชร์ข่าวดังกล่าวในสื่อสังคมออนไลน์ของจีนในวงกว้าง ต่อมาในวันที่ 27 ก.ย.เกิดเหตุทำร้ายนักท่องเที่ยวจีน และมีการแชร์ข่าวบนโลกออนไลน์ของจีนอีก จนกลายเป็นกระแสแบนท่องเที่ยวไทย

ขณะที่สถานการณ์เศรษฐกิจภายในของจีนก็วุ่นวายไม่น้อย เมื่อสหรัฐประกาศสงครามการค้ากับจีน โดยสหรัฐเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนล็อตแรก คิดเป็นมูลค่า 34,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เรียกเก็บภาษีในอัตรา 25% เริ่มเก็บตั้งแต่วันที่ 6 ก.ค.

ต่อมาสหรัฐขึ้นภาษีสินค้าจากจีนอีก 2 ระลอก คือ เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนล็อตสอง มูลค่า 16,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เรียกเก็บภาษีในอัตรา 25% เริ่มเก็บวันที่ 23 ส.ค. และเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนล็อตสาม มูลค่า 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเรียกเก็บในอัตรา 10% ในปีนี้ และเพิ่มเป็น 25% ในปีหน้า เริ่มเก็บตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย.ที่ผ่านมา

แม้ว่าสงครามการค้าสหรัฐและจีนเพิ่งจะเริ่มต้นมาได้ไม่กี่เดือน และยังไม่ส่งผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจที่แท้จริงของจีนมากนัก แต่มีผลทำให้ดัชนีตลาดหุ้นจีนหายไปมากกว่า 30% ซึ่งทำให้ความมั่นคั่งของคนจีน โดยเฉพาะชนชั้นกลางของจีน ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อและออกเดินทางไปเที่ยวทั่วโลกลดลง

ด้วยกระแสนักท่องเที่ยวจีนแบนไทย ผสมโรงกับประเด็นสงครามการค้าสหรัฐและจีน จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของไทยตามมา

อย่างไรก็ตาม ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ต.ค.2561) ไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติรวมทั้งสิ้น 31.2 ล้านคน เพิ่มขึ้น 7.84% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สร้างรายได้เข้าประเทศ 1.63 ล้านล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 9.98%

สำหรับนักท่องเที่ยว 5 ชาติแรกที่เข้ามาเที่ยวประเทศไทยมากที่สุด

อันดับ 1. นักท่องเที่ยวจีน 9.02 ล้านคน เพิ่มขึ้น 10.03% สร้างรายได้ 494,952 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.98%

อันดับ 2. นักท่องเที่ยวมาเลเซีย 3.17 ล้านคน เพิ่มขึ้น 12.73% สร้างรายได้ 88,629 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.85%

อันดับ 3. นักท่องเที่ยวเกาหลี 1.46 ล้านคน เพิ่มขึ้น 4.77% สร้างรายได้ 66,365 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6%

อันดับ 4. นักท่องเที่ยวลาว 1.44 ล้านคน เพิ่มขึ้น 4.92% สร้างรายได้ 38,288 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.11%

อันดับ 5. นักท่องเที่ยวญี่ปุ่น 1.35 ล้านคน เพิ่มขึ้น 6.89% สร้างรายได้ 58,743 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.31%

ในขณะที่นักท่องเที่ยวอินเดียและรัสเซีย ยังคงเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเกิน 1 ล้านคน โดยนักท่องเที่ยวอินเดีย มีจำนวน 1.28 ล้านคน เพิ่มขึ้น 11.23% สร้างรายได้ 57,454 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.11% ส่วนนักท่องเที่ยวรัสเซีย มีจำนวน 1.1 ล้านคน เพิ่มขึ้น 11.75% สร้างรายได้ 88,671 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.95%

ด้วยสถานการณ์นักท่องเที่ยวจากจีนที่ไม่สู้ดีนัก รัฐบาลไทยได้ออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงปลายปี ซึ่งแน่นอนว่าพุ่งเป้าไปที่กระตุ้นการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวจีน ตั้งแต่การยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่านักท่องเที่ยวหัวละ 2,000 บาท ซึ่งรวมถึงนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งเริ่มไปแล้วตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย.ที่ผ่านมา และต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 13 ม.ค.2562

พร้อมทั้งอนุญาตให้หนังสือเดินทางที่ขอรับการตรวจลงตราแบบสามารถเดินทางได้ครั้งเดียว (Single Entry Visa) ณ สถานทูตหรือสถานกงสุลไทย จากเดิมที่สามารถเดินทางได้ 1 ครั้ง เป็นสามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้ 2 ครั้ง (Double Entries Visa) ภายใน 6 เดือน โดยคิดค่าธรรมเนียมอัตราเดิม คือคนละ 1,000 บาทโดยกำหนดระยะเวลาการขอรับการตรวจลงตราที่สถานทูตเป็นระยะเวลา 2 เดือน

จึงต้องติดตามว่าในเดือนพ.ย.นี้ สถานการณ์ท่องเที่ยวไทยจะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนจะฟื้นตัวหรือไม่

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า