“สนธิรัตน์” ปัดงัดเก้าอี้ รมต.แลกนักการเมืองซบ “พลังประชารัฐ” เย้ย”พลังดูด” แค่วาทกรรม-เป็นทุกสมัย เผยสเป็คนายกฯในบัญชี “เก่ง-ปชช.ชื่นชอบ” ยังกั๊กดัน “บิ๊กตู่”ขึ้นแท่น แย้มพร้อมต่อยอดนโยบายรัฐบาล โวได้อยู่ต่อแก้ปัญหาราคาปาล์มได้แน่ วอนหลังเลือกตั้งทุกฝ่ายเลิกขัดแย้ง จับมือพาประเทศเดินหน้า
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวในรายการ “ทุบประเด็น” ทางสถานีโทรทัศน์ไบรท์ทีวีช่อง 20 เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.ว่า การเมืองไทยต้องมีทางออก เมื่อประเทศผ่านช่วงเวลาพิเศษไปแล้ว คิดว่าถ้ามีการเลือกตั้ง แล้วผลเลือกตั้งที่เกิดขึ้นก็เดาได้ว่า มีโอกาสที่ประเทศจะไปสู่ทางตันอีกครั้งหรือไม่ ส่วนความขัดแย้งของคู่ขัดแย้งเชื่อว่ายังไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปมาก ทำให้เป็นจุดก่อเกิดพรรคพลังประชารัฐขึ้นมา เพราะถ้าปล่อยให้การเมืองเดินไปแบบนั้นโดยประชาชนมีทางเลือกเท่าที่มี แล้วประเทศจะมีอุปสรรคไปสู่ทางออกพอสมควร ส่วนบรรดาผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐจะมีตัวละครเด่น ๆ โดยใน 350 เขตจะเป็นคนใหม่จำนวนมากและผสมกับคนรุ่นใหม่ เพียงแต่อดีตนักการเมืองคนดังที่เข้ามาทำให้อึกทึกครึกโครม
นายสนธิรัตน์ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องการดูดก็เป็นวาทกรรมทางการเมือง เป็นเรื่องที่ยังคาใจ เพราะการย้ายพรรคนั้นเป็นกันทุกยุค ขึ้นอยู่กับสถานการณ์แต่ละช่วง แต่ช่วงนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทำให้เกิดการย้ายค่ายมากกว่าปกติ และครั้งนี้มีการย้ายมาพรรคพลังประชารัฐค่อนข้างมาก มีคำถามว่าการย้ายออกจากพรรคเดิมบางคนต้องคิดกันหลายตลบว่าจะบอกหัวคะแนนอย่างไร หรือย้ายไปพรรคใหม่จะมั่นใจได้อย่างไร แต่เวลาที่ตนไปชวนผู้สมัครก็บอกไปว่า ถ้าอยู่พรรคเดิมจะเป็นแบบเดิม จะเกิดปัญหาทางการเมืองขึ้นอีก จึงขอเป็นทางเลือกใหม่เอาคู่ขัดแย้งมาที่นี่ มาปรองดองร่วมกัน แล้วสร้างอนาคตข้างหน้าของเราใหม่ ถ้าพลังประชารัฐไม่มีอนาคต เป็นเรื่องยากมากที่คนเหล่านั้นจะย้ายพรรค
“ส่วนเรื่องผลประโยชน์ก็เป็นวาทกรรมการเมืองเช่นกัน เพราะมีคนไม่น้อยไม่ย้ายมาพลังประชารัฐ ทั้งที่ผมไปชวนเขามาแล้ว พรรคนี้ยืนยันยันว่าไม่มีการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี ไม่มีการต่อรองตำแหน่งในพรรค คนที่เข้ามาไม่มีเงื่อนไขเหล่านี้เลย ส่วนเรื่องที่มีการพูดว่าพรรคเส้นใหญ่ไม่รู้แปลว่าอะไร เพราะเราเป็นพรรคน้องใหม่ แต่มีจุดขายแข็งแรง และได้รับการตอบรับจากอดีตส.ส.ค่อนข้างมาก เพราะเป็นจังหวะทางการเมือง”นายสนธิรัตน์ กล่าว
แทงกั๊กหนุน “บิ๊กตู่” นั่งนายกฯ
นายสนธิรัตน์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้จุดเปลี่ยนของพรรคการเมืองต่าง ๆ ผู้ที่อยู่ในการเมืองมานาน ๆ จะมองอออกว่าจะใช้สมมติฐานเดิมคงไม่ได้ เพราะบัตรเลือกตั้งมีใบเดียวประชาชต้องพิจารณา 3 องค์ประกอบ 1.ผู้สมัคร 2.พรรค และ 3.ใครจะเป็นนายกฯ ในบัญชีพรรค โดยจุดยืนของพลังประชารัฐในการเลือกนายกฯ มี 2 หลัก 1.คนนั้นต้องมีความรู้ ความสามารถและประสบการณ์เพียงพอจะเป็นนายกฯ เพราะตำแหน่งนี้ไม่ใช่ของทดลอง โดยไม่จำเป็นต้องเป็นนายกฯ มาแล้วก็ได้ แต่เคยบริหารราชการแผ่นดิน 2.ต้องมีความนิยมศรัทธาจากประชาชน และมีบารมี ดังนั้น 2 หลักนี้จะเป็นสิ่งที่พลังประชารัฐจะใช้ในการสรรหาใครจะเป็นนายกฯ ขณะนี้คณะกรรมการบริหารพรรคกำลังมองหาโดยจะประกาศให้ทราบก่อนวันปิดรับสมัคร ส.ส. โดยอาจจะไม่ใช่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ก็ได้ อาจจะมีมากกว่านั้น แต่พรรคจะดำเนินการทำไพรมารี่โหวตเองว่าใน 5 ชื่อที่เสนอมา สมาชิกของพรรคจะเลือกใครที่มีความเหมาะสม
“ส่วนเรื่องกระแสของพรรคพูดได้ว่าดีวันดีคืน ภายหลังจากวันที่ 26 พ.ย. ซึ่งเป็นวันที่สุดท้ายของ 90 วันสังกัดพรรคการเมืองก่อนลงสมัครส.ส. ได้ประเมินแล้วกระแสพรรคดีขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนกระแสที่ดีขึ้นจะเป็นเรื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐก็พูดแบบนั้นไม่ได้ เพราะตอนนี้พลังประชารัฐยังไม่มีนโยบายพรรคออกมา แต่จะดูว่านโยบายอะไรที่รัฐบาลในอดีตทำไว้จะนำมาพิจารณา แน่นอนว่านโยบายปัจจุบันส่วนหนึ่งก็ต้องดูนโยบายที่เป็นประโยชน์กับประชาชน”นายสนธิรัตน์ กล่าว
นานสนธิรัตน์ กล่าวด้วยว่า ในวันนี้รัฐบาลมีรัฐมนตรี 4 คนที่มาร่วมก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐ ส่วนเรื่องการลาออกนั้น ต้องแบ่งหน้าที่การเป็นรัฐมนตรีกับการทำงานการเมือง แต่การเป็นรัฐมนตรีแต่มาทำงานการเมืองจะเสียเปรียบ เราเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่จะใช้ทรัพยากรของรัฐมาทำงานการเมืองไม่ได้เลย และมีข้อจำกัดเยอะมาก ส่วนเรื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐทำมานานแล้วตั้งแต่ 1 พ.ย.2560 เมื่อปีที่แล้วยังไม่มีใครรู้เลยว่าจะมีพรรคพลังประชารัฐ เพราะเพิ่งตัดสินใจมาตั้งพรรคเพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไป ขณะที่เรื่องเก้าอี้ ส.ส. จะพยายามทำเสียงให้มากที่สุด ในฐานะเลขาธิการพรรคหวังว่าเสียง ส.ส.จะมีปริมาณมากพอจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ ส่วนการร่วมกับพรรคอื่นยังเร็วเกินไปจะพูดตรงนั้น
ชูแก้ราคาปาล์มเพื่อ “ไปต่อ”
“เวลาเรามองเศรษฐกิจวันนี้เปลี่ยนแปลงจากองค์ประกอบเดิมไปมาก ภาคเกษตรปัจจุบันมีคู่เเข่งมากขึ้น อาทิ ข้าว ตอนนี้ประเทศเพื่อนบ้านก็มีการส่งออกข้าวมากขึ้น ดังนั้น ถ้าสินค้าอะไรขายดีจะมีคู่แข่งมากขึ้น และวันนี้การค้าไม่มีพรมแดนแล้ว ทำให้การแข่งขันสูงขึ้น ที่สำคัญโลกของดิจิทัลเปลี่ยนทุกอย่างสิ้นเชิง ทำให้การบริหารเศรษฐกิจยากกว่าเดิม การแก้ปัญหาเศรษฐกิจต้องเข้าใจบริบท ในช่วงรัฐบาลนี้เข้ามาจะหลีกเลี่ยงการลงไปอุ้ม ทำให้การแก้ปัญหาสินค้าเกษตรยากกว่าเดิม เพราะรัฐบาลตั้งใจจะวางรากฐานให้ภาคเกษตรกร เพราะสินค้าเกษตรเป็นสินค้าแปรปรวนสูงมาก วันนี้ราคาข้าวดีจากองค์ประกอบหลายอย่าง ส่วนปัจจัยภายนอกจะกระทบกับปัจจัยภายใน แต่รัฐบาลต้องบริหารปัจจัยภายในไปพร้อมกับปัจจัยภายนอกด้วย”นายสนธิรัตน์ ระบุ
นอกจากนี้ นายสนธิรัตน์ยังยืนยันว่า ถ้าวันนี้ถ้าไปถามชาวนา และคนปลูกมันสําปะหลังจะพอใจอย่างมาก แต่ยังมีสินค้าเกษตรบางตัวที่ราคายังไม่ดี เช่น ปาล์มน้ำมัน เพราะเมื่ออียูแบบปาล์มไม่ให้ส่งออกไปที่อียูแล้ว ผู้ส่งออกปาล์มน้ำมันรายใหญ่อย่างประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย หรือประเทศไทยมีสต๊อกค้างไว้จำนวนมาก ทำให้ราคาดิ่งลง และกระทบกับราคาปาล์มน้ำมันในประเทศ ดังนั้นรัฐบาลต้องเยียวยาเกษตรกร และเร่งการใช้ปาล์มน้ำมัน ถ้าได้อยู่ต่อจะแก้ปัญหานี้ให้ โดยนำออกไปผลิตไฟฟ้า และนโยบายเศรษฐกิจของพลังประชารัฐจะทำระยะยาวและสร้างความมั่นคง เพราะเราทำมาแล้ว เรารู้ว่าทำอะไรต่อไป ส่วนหลังการเลือกตั้ง ได้มองโลกทางบวกว่า ถ้าทุกคนเคารพกติกากับผลเลือกตั้ง ถ้าเห็นแก่ประเทศไทยไม่เอาชนะคะคานกัน จะหวังแต่ชนะแต่ยอมแพ้ไม่ได้ ก็จะเหมือนกับไก่ที่จิกกันในกรง แต่ขณะนี้โลกเปลี่ยนแปลงไปมาก เราต้องช่วยพัฒนาประเทศไม่ว่าใครจะแพ้หรือชนะ ทุกพรรคต้องเคารพกติกา ไม่มีสีเสื้อ และเคารพการตัดสินใจของประชาชน สิ่งใดเป็นกติกาประชาธิปไตยต้องเคารพ ไม่นั้นจะมีประชาธิปไตยไว้ทำไม
“ตอนนี้ประชาชนอยากเลือกตั้งเพราะเป็นเรื่องของเงื่อนเวลา ส่วนเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไรต้องวัดผลเลือกตั้ง เรื่องจีดีพีคือมาตรฐานสากล ตอนนี้เศรษฐกิจของไทยแข็งแกร่ง แต่เมื่อเกิดช่องว่างคนข้างบนและข้างล่างจากสารพัดนโยบาย เราจึงกำลังลดช่องว่างให้แคบลง แต่เวลาที่มีอยู่ทำไม่ทัน ต้องทำต่อ เป็นไปไม่ได้ทำให้ทุกคนร่ำรวย แต่ทำอย่างไรให้ช่องว่างลดลงมา”นายสนธิรัตน์ กล่าว
[youtube https://www.youtube.com/watch?v=j3yVx1_gcSs]