จากกรณีคืนวันที่ 6 ธ.ค. ที่ผ่านมา มีรถยนต์จำนวนหลายคันที่จอดไว้ข้างกำแพงวัดล่ามช้าง ถนนมูลเมือง ซอย 7 ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ถูกสีสเปรย์พ่นเสียหายไป 3 คัน สร้างความกังวลให้กับชาวบ้านและนักท่องเที่ยวที่จอดรถในย่านดังกล่าว โดยหลังเกิดเหตุ เจ้าของรถได้เข้าแจ้งความขอให้ตำรวจติดตามจับกุมคนร้าย โดยบอกว่าก่อนหน้านี้มีรถถูกพ่นสีในลักษณะเดียวกันมาแล้ว 5 คัน รวมล่าสุดเป็น 8 คัน
หลังเกิดเหตุชุดสืบสวนได้ไปขอตรวจสอบภาพวงจรปิดจากอู่ทำสีของนายนพรัตน์ เสรีกิติวงศ์ หรือช่างบูม เจ้าของอู่ทำสีรถยนต์ภายในซอยที่เกิดเหตุ แต่นายนพรัตน์กลับนำเซิร์ฟเวอร์ปลอมที่ไม่มีภาพจากกล้องในคืนเกิดเหตุมาให้ ทำให้เจ้าหน้าที่จับพิรุธพร้อมกับสอบสวนอย่างละเอียด จนในที่สุดนายนพรัตน์ยอมสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุ
ล่าสุดพลตำรวจเอกปิยะพันธุ์ ภัทรพงศ์สินธุ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.เชียงใหม่ พร้อมเจ้าหน้าที่ เข้าจับกุมนายนพรัตน์ หลังจากถูกจับกุมเนื่องจากเป็นคนลงมือพ่นสีสเปรย์ในคืนเกิดเหตุ
หลังถูกจับกุม นายนพรัตน์สารภาพกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ตนเปิดอู่ในซอยดังกล่าวมานานและในระยะหลังมักจะมีรถยนต์มาจอดริมถนนหน้าอู่ และในซอยเป็นประจำทุกคืน โดยในซอยเป็นถนนที่เดินรถทางเดียวเนื่องจากซอยแคบทำให้รถไม่สามารถสวนกันได้ เมื่อมีรถมาข้างทางแล้วจะทำให้รถผ่านเข้าออกลำบาก ลูกค้าที่จะเข้ามาใช้บริการก็ไม่สามารถเข้ามาได้ จึงทำให้ตนเสียรายได้ โดยนายนพรัตน์ยังบอกอีกว่า ตนเองจะเข้าออกช่วงกลางคืนก็ลำบาก เคยพูดคุยขอร้องให้ไปจอดที่อื่นแล้ว แต่ก็ไม่เป็นผล จนกระทั่งในคืนที่เกิดเหตุตนกลับมาถึงบ้านในช่วงกลางดึกแล้วมีรถจอดขวางอยู่จำนวนมาก จึงเกิดความคับแค้นใจ นำสีสเปรย์มาฉีดพ่นระบายความโกรธแค้น
เนื่องจาก บริเวณจุดเกิดเหตุเป็นย่านเกสต์เฮ้าส์ที่มีนักท่องเที่ยวอยู่กันหนาแน่น จึงต้องมีความปลอดภัยในทุกด้าน เจ้าหน้าที่จึงได้เร่งสืบสวนจนจับกุมได้ ขณะเดียวกันได้ประชาสัมพันธ์ให้ผู้อยู่อาศัยในบริเวณดังกล่าวจอดรถโดยไม่สร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น แม้จะเป็นถนนสาธารณะ แต่หากคนอื่นได้รับผลกระทบก็อาจบานปลายอย่างเช่นคดีนี้
โดยพระครูปลัดอานนท์ วิสุทโธ เจ้าอาวาสวัดล่ามช้าง บอกว่า ที่ผ่านมามีรถยนต์มาจอดข้างกำแพงวัดเป็นประจำ ทำให้รถขนาดใหญ่ไม่สามารถเข้าออกซอยได้ เกรงว่าหากเกิดเหตุฉุกเฉิน จะเกิดปัญหา ที่ผ่านมาร้องเรียนตำรวจไปแล้วแต่ก็ไม่ได้รับการแก้ไข ยังมีจอดเต็มซอยเหมือนเดิม