“พอลลีน” ชูแก้กฏหมายปลดล็อกแต่งงานเพศเดียวกัน เลิกเป็น “สังคมดัดจริต” จัดผู้ให้บริการค้าประเวณีเข้าระบบ ให้ได้รับสิทธิเหมือนแรงงานอื่น เปิด “บ่อนพนัน” แบบโซนนิ่งเรียกเงินเข้าประเทศ เสนอตั้งกองทุนดูแลเด็ก-ผู้สูงอายุ แทนนโยบายเร่งปั๊มลูก เกิดปุ๊บแจกปั๊บ จวกไม่ทันเลือกตั้งก็เลือกข้างแล้ว จะปรองดองได้อย่างไร
คุณพาลินี งามพริ้ง หรือ พอลลีน สตรีข้ามเพศ สมาชิกพรรคมหาชน กล่าวในรายการ “ทุบประเด็น” ทางสถานีโทรทัศน์ไบรท์ทีวี ช่อง 20 ว่า สนใจการเมืองตั้งแต่เด็กเพราะได้ฟังข่าวจากวิทยุกับคุณพ่อทุกวัน แม้ว่าจะไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับการเมืองแต่สุดท้ายการเมืองก็เกี่ยวข้องกับทุกคน เพราะประชาชนต่างได้รับผลกระทบจากนักการเมืองและผู้บริหารประเทศ ที่ผ่านมามีความคาดหวังจากคนอื่นว่าตนน่าจะเล่นการเมือง และมีพรรคการเมืองหลายพรรคมาขอความเห็นเรื่องความหลากหลายทางเพศ เนื่องจากเป็นบุคคลที่เป็นที่รู้จัก ซึ่งก็ให้ความเห็นไปด้วยความบริสุทธิ์ใจและคิดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มหลากหลายทางเพศ แต่จุดเปลี่ยนที่ทำให้ตัดสินใจเข้าเป็นสมาชิกพรรคมหาชน เนื่องจากคุณนาดา ไชยจิตต์ ซึ่งเป็นสตรีข้ามเพศเช่นกันและทำงานด้านสิทธิมนุษยชนอย่างเข้มข้น ได้มาเชิญให้เข้าไปทำงานร่วมกันที่พรรคมหาชน และเมื่อได้พูดคุยกันก็พบว่าอุดมการณ์ตรงกันกับหัวหน้าพรรค ซึ่งแม้ว่าจะเป็นพรรคเล็ก แต่ก็ได้รับการยอมรับให้มีสิทธิมีเสียงในเชิงนโยบายซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ จึงตัดสินใจเข้าพรรคมหาชน
คุณพาลินี กล่าวต่อไปอีกว่า พรรคมหาชนจะส่งผู้สมัครลงทุกเขตตามกฏหมายกำหนด แต่ก็ต้องหวังกับ ส.ส.บัญชีรายชื่อเพราะเป็นพรรคขนาดเล็ก ซึ่งตนเองก็ลงระบบบัญชีรายชื่อ แต่ยังไม่มีการหารือเรื่องลำดับ อย่างไรก็ตาม ตนไม่ได้สมัครเข้ามาเป็นตัวแทนกลุ่มความหลากหลายทางเพศเท่านั้น แต่เป็นตัวแทนประชาชนทุกคน เพียงแต่มีความเข้าใจปัญหาเรื่องการละเมิดและถูกละเมิดของกลุ่มหลากหลายทางเพศ ซึ่งในประเทศไทยมีอยู่ประมาณ 6 ล้านคนเฉพาะที่เปิดเผยตัว และมีคนไม่เปิดเผยอีกมาก นอกจากนี้ก็ยังมีกลุ่มผู้ด้อยโอกาส กลุ่มผู้ใช้แรงงาน ซึ่งเราก็คาดหวังจากกลุ่มคนทุกมิติทุกสังคม
“การแก้กฏหมายจะช่วยในแก้ไขปัญหาเรื่องการตัดสินใจแทนคู่สมรสในการรักษาพยาบาลฉุกเฉิน การแต่งงาน รวมถึงการรับรองเพศสภาพ”
“เราต้องแก้กฏหมายเกี่ยวกับความหลากหลายทางเพศ และสร้างความรู้ความเข้าใจในเรื่องดังกล่าว ซึ่งการแก้กฏหมายจะช่วยในแก้ไขปัญหาเรื่องการตัดสินใจแทนคู่สมรสในการรักษาพยาบาลฉุกเฉิน การแต่งงาน รวมถึงการรับรองเพศสภาพ เพราะในการเดินทางออกต่างประเทศมักจะเกิดปัญหากับกลุ่มบุคคลข้ามเพศ หรือในการรักษาพยาบาล หากเจ็บป่วยฉุกเฉิน บัตรทางราชการเป็น ‘นาย’ แต่เพศสภาพเป็น ‘ผู้หญิง’ ก็อาจจะหาตัวบุคคลไม่เจอ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีปัญหาการเลือกปฏิบัติ เช่น ถูกมองว่ามีความเสี่ยงการเกิดอาชญกรรมมากกว่าบุคคลทั่วไป สถานที่บางแห่งขอถ่ายบัตรประชาชนเก็บไว้ ทั้ง ๆ ที่ผู้ชายหรือผู้หญิงก็ก่ออาชญกรรมได้ไม่ต่างกัน”คุณพาลินีกล่าว
“ไม่ได้ต้องการให้เปิดเสรีการค้าประเวณี แต่นโยบายของเราต้องการปกป้องแรงงานด้อยโอกาสทั้งที่อยู่ในระบบและนอกระบบ”
คุณพาลินี กล่าวต่อไปว่า ส่วนนโยบายการยกเลิกกฏหมายค้าประเวณีนั้น ไม่ได้ต้องการให้เปิดเสรีการค้าประเวณี แต่นโยบายของเราต้องการปกป้องแรงงานด้อยโอกาสทั้งที่อยู่ในระบบและนอกระบบ เพราะคนที่อยู่ในภาคบริการทางเพศถูกกดขี่มาตลอด จึงต้องการให้มีสิทธิมีเสียงเท่ากับแรงงานกลุ่มอื่น ให้เข้ามาอยู่ในระบบประกันตน ได้รับสวัสดิการภาครัฐ แต่ไม่ใช่จะค้าขายตรงไหนก็ได้ ซึ่งปัจจุบันไม่สามารถดำเนินการเรื่องต่าง ๆ ได้เพราะมี พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณีอยู่ หากแก้ไขตรงนี้ไม่ได้ จะสร้างระบบควบคุมหรือฝึกอบรมพัฒนาทักษะให้คนกลุ่มนี้ไม่ได้เลย ซึ่งต้องยอมรับว่า อาชีพค้าประเวณีมีมานาน ต้องนำความจริงมาพูดกัน อย่าเป็นสังคมดัดจริต ไม่เช่นนั้นการแก้ปัญหาจะไม่เกิดขึ้น
“อาชีพค้าประเวณีมีมานาน ต้องนำความจริงมาพูดกัน อย่าเป็นสังคมดัดจริต ไม่เช่นนั้นการแก้ปัญหาจะไม่เกิดขึ้น”
คุณพาลินี กล่าวอีกว่า เรื่องบ่อนการพนันก็ต้องทำให้อยู่ในระบบ นำเงินเข้าประเทศ ปัจจุบันคนออกไปเล่นการพนันต่างประเทศ เงินไหลออกนอกประเทศ แต่การดำเนินการต้องกำหนดโซนนิ่ง สร้างในพื้นที่ที่ยังไม่เจริญ ทำให้เกิดเป็นชุมชน และมีกลไกควบคุมไม่ให้คนในประเทศหลงมัวเมา เช่น สิงค์โปร์มีการกำหนดรายได้ขั้นต่ำสำหรับผู้ที่จะเข้าไปเล่นพนัน คนส่วนใหญ่ที่เข้าไปเล่นจึงเป็นนักท่องเที่ยว เรื่องเศรษฐกิจทำควบคู่ไปกับการกีฬาและสันทนาการ หากเราแก้ปัญหาเรื่องความหลากหลายทางเพศได้ นักท่องเที่ยวกลุ่ม LGBT ก็จะเข้ามา รวมถึงต้องพัฒนาฟุตบอลลีกของไทย ดึงดูดให้คนชาติอื่นเข้ามาดูได้สะดวกสบาย เพราะปัจจุบันก็มีชาวต่างชาติเข้ามาดูฟุตบอลไทย แต่ไม่ถูกนำมาพูดถึงและปฏิบัติอย่างจริงจัง ซึ่งไทยมีกีฬาอีกหลายประเภทที่มีศักยภาพในการพัฒนา เช่น วอลเลย์บอล หรืออาจจะจัดฟุตบอลผู้หญิงข้ามเพศ ซึ่งชาติอื่นยังไม่มีการจัดเลย สิ่งที่เสนอ เรียกว่า สันทนเศรษฐกิจ เพราะเราไม่สามารถพึ่งการท่องเที่ยวจากแหล่งเดียวได้ หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา จะไม่มีคนเข้ามาเที่ยว จึงต้องมีตลาดที่หลากหลายรองรับ นอกจากนี้เราควรทำเว็บท่าสำหรับค้าขายสินค้าออนไลน์ของไทย เพื่อไม่ต้องใช้เว็บท่าของต่างประเทศ ตัดพ่อค้าคนกลาง ส่งเสริม SME และสินค้าไทยออกไปขายทั่วโลกผ่านเว็บท่าของไทยเอง
“การเสนอนโยบายแบบนี้อาจจะถูกตั้งคำถาม แต่ถึงเวลาแล้วที่คนรุ่นใหม่ควรได้เข้ามามีสิทธิมีเสียง เรานอนทับปัญหาอยู่ตลอดเวลา แล้วบอกว่านี่คือประเทศไทย ทำไมเราไม่เอาปัญหามาดูและหาทางกำจัดออกไป หากไม่พูดเรื่องนี้ เลือกตั้งกี่ทีก็เหมือนเดิม ปัญหาก็ยังอยู่ และคนที่ได้รับผลกระทบคือลูกหลานของเรา”คุณพาลินีกล่าว
คุณพาลินี กล่าวต่อไปอีกว่า นโยบายสำคัญคือคนไทยต้องเท่าเทียมกัน โดยรัฐบาลต้องทำให้เท่าเทียมหรือใกล้เคียงกัน นั่นคือการลดช่องว่างทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ซึ่งการมีรัฐสวัสดิการตามที่พรรคอื่น ๆ เสนอก็ดี แต่การแจกเงินเลยทันทีที่เด็กเกิดจะกลายเป็นการเร่งปั๊มลูก จึงควรทำเป็นกองทุนเพื่อใช้ดูแลเด็ก เยาวชน ผู้สูงอายุ และส่งเสริมให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ ให้มีความสามารถและมีโอกาสทางการศึกษา โดยการศึกษาขั้นต่ำควรเป็นระดับปริญญาตรีหรือ ปวส.
“การแจกเงินเลยทันทีที่เด็กเกิดจะกลายเป็นการเร่งปั๊มลูก จึงควรทำเป็นกองทุนเพื่อใช้ดูแลเด็ก เยาวชน ผู้สูงอายุ และส่งเสริมให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้”
“ความเท่าเทียมกันคือเสมอภาคไม่เลือกข้าง ไม่เช่นนั้นก้าวข้ามความขัดแย้งไม่ได้ เราพูดกันจังว่าปรองดอง แต่ยังไม่ทันเลือกตั้งก็เลือกข้างกันก่อนแล้ว ใครเข้ามาด้วยระบอบประชาธิปไตยพรรคเราพร้อมทำงานด้วย เพราะเราต้องการไปแก้ปัญหาประชาชน ไม่ใช่เพื่อไปเช็กบิลคนนั้นคนนี้ นี่คือการเมืองที่เราอยากเห็น และหลายคนก็อยากเห็น พรรคที่ได้เสียงข้างมากและนโยบายของเรามีโอกาสนำไปฏิบัติ เราจะให้ความร่วมมือกับทุกพรรค”คุณพาลินีกล่าว