“พลังประชารัฐ” โต้คลิปสมัครสมาชิกพปชร. แลกรับบัตรคนจน ไม่เกี่ยวกับพรรค แย้มฝ่ายกฎหมายเร่งสอบ หากผิด-ตัดสิทธิ์ทันที
วันที่ 24 ธ.ค. ที่พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) นายวิเชียร ชวลิต นายทะเบียนพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)พร้อมด้วยนายสุรพร ดนัยตั้งตระกูล กรรมการบริหารพรรค แถลงข่าวถึงกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง เผยแพร่คลิปทางโซเชียล เนื้อหาระบุว่ามีการเชิญชวนให้ผู้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ในพื้นที่จ.ยโสธร ต้องสมัครเป็นสมาชิกพรรคพปชร.หากไม่สมัครจะไม่ได้รับบัตร โเยนายวิเชียร กล่าวว่า สืบเนื่องจากกระแสข่าวว่ามีตัวแทนสมาชิกพรรคพปชร.ได้รณรงค์เชิญชวนประชาชนสมัครเป็นสมาชิกพรรค พร้อมกับรับสิทธิ์ในการรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐด้วยนั้น พรรคขอแถลงให้ทราบว่าการรณรงค์เพื่อรับสมัครสมาชิกพรรคที่ผ่านมา และที่กำลังดำเนินการอยู่มีวัตถุประสงค์และวิธีการดังนี้ 1.พรรคจะรับสมัครสมาชิกพรรคโดยผู้สมัครเดินทางมาสมัครด้วยตนเองที่สำนักงานใหญ่ของพรรค ถ.รัชดาภิเษก กทม. และที่ทำการสาขาพรรค 4 ภาค คือ ภาคเหนือ ที่จ.เชียงใหม่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่จ.ร้อยเอ็ด ภาคกลาง ที่จ.สิงห์บุรี และภาคใต้ ที่จ.กระบี่ เท่านั้น 2.ส่วนการรับสมัครสมาชิกผ่านสมาชิกตัวแทนของพรรคนแต่ละจังหวัดได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว และไม่มีนโยบายการรณรงค์หาสมัครสมาชิกอื่นแต่อย่างใดและขณะนี้พรรคมีสมาชิกเกือบ 3 หมื่นคน ซึ่งเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดให้มีสมาชิกไม่น้อยกว่า 1 หมื่นคนแล้ว
นายชวลิต กล่าวว่า ส่วนกระบวนการรับสมัครสมาชิกผ่านตัวแทนของพรรคที่ผ่านมา พรรคได้เน้นให้ความสมัครใจของประชาชนเฉพาะผู้ที่ศรัทธาในอุดมการณ์ของพรรค เสียค่าสมัครด้วยตนเองพร้อมแนบสำเนาทะเบียนบ้าน บัตรประจำตัวประชาชนและรูปถ่าย รวมถึงเงินค่าธรรมเนียมเป็นสมาชิก 50 บาทต่อปี ซึ่งพรรคได้ตรวจสอบความถูกต้องตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.)ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 30 อย่างเคร่งครัดและที่ผ่านมาพรรคได้เคยตักเตือนสมาชิกที่กระทำการฝ่าฝืนข้อบังคับก่อนที่จะมีการปลดล็อกทางการเมือง รวมทั้งตัดสิทธิ์ในการเป็นผู้แสดงเจตจำนงค์เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งไปแล้วส่วนหนึ่ง เรื่องนี้พรรคได้ให้ทีมกฎหมายลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร
“หากพบว่ามีสมาชิกของพรรคคนใดจูงใจให้มีการกระทำผิด ฝ่าฝืนหลักการ พรรคจะดำเนินการลงโทษอย่างเฉียบขาดตามข้อบังคับพรรค ซึ่งผลการตรวจสอบน่าจะเสร็จสิ้นก่อนการรับสมัคร ส.ส. และถ้าพบว่ากระทำผิดถือเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับพรรค เพราะมีข้อกำหนดระบุไว้ชัดเจน พากพบว่าทำผิดจริงก้ต้องตัดสิทธิ์จากการเป็นผู้สมัครของพรรคแน่นอน”นายทะเบียนพรรค กล่าว
ด้านนายสุรพร กล่าวว่า บทลงโทษของพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 30 มีโทษรุนแรงมาก คือตัดสิทธิ์ผู้สมัครทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี และหากพบว่าพรรคตั้นสังกัดไม่ยับยั้งหรือจัดการใดๆ จะนำไปสู่การยุบพรรคได้ จึงต้องให้ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบให้ชัดเจน ซึ่งทีมกฎหมายของพรรคจะไปสอบถามจากว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ยโสธร ที่ถูกพาดพิงในคลิปที่มีการเผยแพร่ว่าข้อเท้จจริงเป็นอย่างไร ขณะที่บุคคลที่เผยแพร่คลิปนั้นเบื้องต้นอาจจะเกิดจากการรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือต้องการช่วยเหลือบุคคลอื่นที่ยังไม่เข้าใจขั้นตอนของการรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐก็เป็นได้ แต่ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพรรค เพราะเรื่องบัตรสวัสดิการถือเป็นนโยบายของรัฐบาล ทั้งนี้หากว่าที่ผู้สมัครฯจะไปลงบันทึกประจำวันเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงไว้ก่อนก็เป็นเรื่องส่วนตัวที่ทำได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันนี้ นายพิกิฏ ศรีชนะ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ยโสธร พรรคพลังประชารัฐ ที่ถูกพาดพิงในคลิปดังกล่าว ได้ลงบันทึกประจำดำเนินคดีกับผู้เผยแพร่คลิปตามความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ไว้ที่ส.ภ.เลิงนกทา จ.ยโสธร เพื่อเป็นหลักฐานแล้ว