กรมอุตุฯประกาศฉบับที่ 8 พายุปาบึก เคลื่อนตัวเข้าอ่าวไทยและอันดามันมีผลกระทบภาคใต้ทุกจังหวัด ฝนตกหนัก คลื่นสูง 3-5 เมตร ด้าน มท.1 ระบุระบบเตือนภัยไม่มีปัญหาและพร้อมระบายน้ำ
2 ม.ค. 2562 เมื่อเวลา 11.00 น. กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศว่า พายุโซนร้อน ปาบึก (PABUK) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่าง โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 6.0 องศาเหนือ ลองจิจูด 108.0 องศาตะวันออก ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกด้วยความเร็ว 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนผ่านปลายแหลมญวน และเคลื่อนลงอ่าวไทย ในช่วงวันที่ 2-3 มกราคม 2562 โดยจะมีผลกระทบต่อภาคใต้ในช่วงวันที่ 3-5 มกราคม 2562 ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ซึ่งอาจะเกิดน้ำทวมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากไว้ด้วย โดยมีผลกระทบดังนี้
ช่วงวันที่ 3-4 มกราคม 2562 จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งกับมีลมแรงบริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส กระบี่ ตรัง และสตูล
ช่วงวันที่ 4-5 มกราคม 2562 บริเวณภาคใต้จะมีฝนตกเป็นบริเวณกว้างและจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งกับมีลมแรงบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล
สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีกำลังแรง โดยอ่าวไทยมีคลื่นสูง 3-5 เมตร ส่วนทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังอันตรายจากลมแรงและคลื่นลมแรงที่พัดเข้าหาฝั่ง ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่งตั้งแต่วันที่ 2-5 มกราคม 2562
ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวพยากรณ์อากาศ และประกาศเตือนภัยได้ที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา https://www.tmd.go.th หรือสายด่วนพยากรณ์อากาศ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ทางด้านพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมการรับมือพายุโซนร้อนปาบึก ที่จะเคลื่อนผ่านพื้นที่ภาคใต้ ช่วงวันที่ 3-5 มกราคมนี้ ว่า จากการประเมินของกรมอุตุนิยมวิทยา ผลจากพายุโซนร้อนจะทำให้คลื่นสูงประมาณ 5 เมตร จึงได้มีการเตรียมความพร้อม สั่งกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) รับมือ
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวต่อว่า เบื้องต้นมีการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น หน่วยงานรับมือเรื่องไฟฟ้า ซึ่งในพื้นที่ ประชาชนและท้องที่สามารถช่วยกันป้องกันในเบื้องต้นได้ เช่น ดูแผ่นป้ายตามเสาไฟ เพื่อลดความเสี่ยง และหากมีฝนตกหนักอาจเกิดปัญหาเรื่องการระบายน้ำ จึงต้องมีการเตรียมความพร้อมด้านการระบายน้ำด้วย
ทั้งนี้ ยืนยันว่าระบบเตือนภัยไม่มีปัญหา เพราะไทยมีทั้งระบบและบุคลากรที่ดีมากในระดับอาเซียน ซึ่งสาธารณภัยที่จะเกิดขึ้นจะรุนแรงหรือไม่ ต้องขึ้นอยู่กับธรรมชาติว่าจะหนักแค่ไหน