“ณัฐวุฒิ” เตือนส.ว.อย่าหักดิบเสียงปชช.เลือกนายกฯ หวั่นซ้ำรอยจุดชนวนขัดแย้ง ชี้ “เพื่อไทย” ฟาดกำไร หลังถูกเบรคปราศรัยที่พะเยา ปลุกรวมเสียงฝ่ายปชต. ล้างบางสืบทอดอำนาจ ยันไม่เกี่ยวโครงการ “จำนำข้าว”
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง พรรคไทยรักษาชาติ(ทษช.) กล่าวในรายการ “ทุบประเด็น” ทางสถานีโทรทัศน์ไบรท์ทีวีช่อง 20 ว่า ถือเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับการวิวาทะของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณรองนายกรัฐมนตรี เพราะพล.อ.ประวิตรอาจกำลังจะเครียดกับสถานการณ์ในขณะนี้ โดยเฉพาะเมื่อมีคำถามเรื่องนาฬิกา ส่วนการเจราที่จะไปถึงคำว่ารัฐบาลแห่งชาติ ต้องพูดให้ชัดว่ามาอย่างไรและยึดโยงกับประชาชนแค่ไหน จะมีรัฐบาลที่ผู้มีอำนาจตั้งขึ้นเองหรือประชาชนมีส่วนร่วมอย่างไร แต่ใครมามีอำนาจก็มักจะพูดเรื่องการปรองดองแต่กลับเป็นจริงไม่ได้ เพราะฝ่ายผู้มีอำนาจจริงใจจะทำเรื่องนี้หรือไม่ ต้องการให้สถานการณ์เป็นแบบนี้เพื่อให้บางฝ่ายอยู่ในอำนาจ แต่การพูดถึงนายทักษิณของหลายฝ่ายนั้น เพราะเป็นอดีตนายกฯที่ได้รับคะแนนนิยมจำนวนมาก ดังนั้นการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นจะไม่มีใครไม่พูดถึงนายทักษิณคงเป็นไปไม่ได้ แต่อยู่ที่ประชาชนจะพิจารณาอย่างไรเท่านั้น ส่วนนายทักษิณจะได้กลับมาหรือไม่อยู่ที่สถานการณ์ข้างหน้าซึ่งคาดเดาอะไรไม่ได้
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีการต่อสู้กับแผนการสืบทอดอำนาจผ่านกติกาที่เกิดขึ้น แต่ก็มีพรรคการเมืองเกิดใหม่ขึ้นมาตามเจตนารมณ์ของกติกานี้ ไม่ให้มีพรรคการเมืองใหญ่ได้คะแนนเสียงเกินครึ่งเพื่อจัดตั้งรัฐบาลได้พรรคเดียว เมื่ออ่านเกมกันออกก็ต้องมีวิธีสู้ ต้องทำให้แนวทางฝ่ายประชาธิปไตยได้รับชัยชนะ ส่วนกรณีคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธาน ยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย ถูกเจ้าหน้าที่ติดตามที่ จ.เชียงรายนั้น อาจเป็นเพราะมีการติดตามตลาดเวลาและไม่แสดงสังกัด ก็อยู่ทำให้บุคคลถูกติดตามจะไปถามกลับได้ ขณะที่กรณีพรรคเพื่อไทยถูกห้ามใช้สถานที่ปราศรัยที่ จ.พะเยานั้น ใครที่มีอำนาจไปสั่งให้ยกเลิกเวทีปราศรัยของเพื่อไทย พลาดเบอร์ใหญ่แล้ว กลายเป็นว่าเวทีพรรคเพื่อไทยได้พูดกับคนทั้งประเทศไป จนสุดท้ายงานนี้พรรคเพื่อไทยกำไร และไม่รู้ใครขาดทุน ทั้งนี้ พรรคไทยรักษาชาติจะส่งผู้สมัครส.ส.ให้มากที่สุด ส่วนจำนวนส.ส.ที่จะได้นั้นยังเชื่อว่าพรรคไทยรักษาชาติจะเป็นพรรคที่มีเสียงชี้ขาดของฝ่ายประชาธิปไตย ดังนั้นจำนวนส.ส.ที่อยากจะได้ให้มากที่สุด จะเป็นคะแนนของฝ่ายประชาธิปไตย เอาชนะแผนการสืบทอดอำนาจให้ได้
“ยังคาดหวังการตัดสินใจของประชาชน จากพิษภัยอำนาจเผด็จการที่อยู่มา 5 ปีจะทำให้คนเข้าใจได้ เพื่อให้คะแนนฝ่ายประชาธิปไตยเกิน 250 เสียง ดังนั้นส.ว.ควรจะเคารพการตัดสินใจของประชาชน ผมรู้ว่าส.ว.ใครมีอำนาจตั้งมา แต่ประชาชนก็มีอำนาจในการเลือกส.ส.เข้ามาเหมือนกัน ถึงตรงนั้นส.ว.ต้องรับฟัง ถ้าพรรคการเมืองที่ฝ่ายผู้มีอำนาจตั้งขึ้นชนะเลือกตั้งถล่มทลาย พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยก็ต้องทำหน้าที่ฝ่ายค้าน แต่ถ้าพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยจับมือกันได้เสียงเกิน 250 ที่นั่ง ส.ว.250 คน ไม่ควรทำตัวเป็นชนวนความขัดแย้ง ไม่ควรทำตัวให้เป็นสะพานให้เกิดวิกฤติ ควรจะเคารพในมติของประชาชน ให้พรรคการเมืองที่รวมเสียงได้ครั้งมากจัดตั้งรัฐบาล”นายณัฐวุฒิ กล่าว
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องโครงการรับจำนำข้าวนั้น สมัยที่เป็น รมช.พาณิชย์ไม่ได้เกี่ยวข้องกับโครงการนี้เลย และไม่เคยร่วมประชุมแม้แต่ครั้งเดียว เพียงแต่ในวันที่มีการแถลงข่าวใหญ่ก็มีการชักชวนจากรมว.พาณิชย์ และรมช.คลังให้มาร่วมนั่งแถลงข่าวด้วย โดยตรไปนั่จากที่ไม่มีข้อมูลว่าการดำเนินโครงการเป็นอย่างไร ส่วนความเจ็บปวดทางการเมืองก็คิดว่าเกิดขึ้นกันได้ ส่วนคดีรับจำนำข้าวจะเกี่ยวข้องกับใครอย่างไรบ้างต้องขอความเป็นธรรมให้กับผู้ถูกกล่าวหาด้วย อย่างไรก็ตาม อยากเห็นการเลือกตั้งตรงไปตรงมา ให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นกุญแจให้ประเทศมีทางออกจากวิกฤติความขัดแย้ง โดยเฉพาะอย่าฝืนเจตนาของประชาชน