ถกสิทธิบัตรกัญชาไร้ข้อสรุป “สนธิรัตน์” โยนกรมทรัพย์สินทางปัญญาหารือภาคประชาสังคม ปมเห็นต่างคำขอจดสิทธิบัตร 13 ฉบับ ด้านประชาสังคมกดดัน ต้องยกเลิกคำขอทั้ง 13 ฉบับใน 7 วัน ไม่เช่นนั้นเดินหน้าฟ้องต่อ
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับภาคประชาสังคม ที่มีความเห็นต่างเรื่องการจดสิทธิบัตรกัญชาว่า ในประเด็นการจดสิทธิบัตรสารสกัดจากกัญชา และสิทธิบัตรที่มีสารสกัดจากกัญชาเป็นองค์ประกอบ รวม 13 คำขอ ที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนความเห็นกันอย่างกว้างขวาง โดยได้ข้อสรุปให้กรมทรัพย์สินทางปัญญาและภาคประชาสังคมไปทำงานร่วมกัน และแลกเปลี่ยนข้อมูลที่แต่ละฝ่ายมี เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่เป็นประโยชน์สูงสุดในการแก้ไขปัญหาการจดสิทธิบัตรกัญชา และให้เป็นไปตามกฎหมาย และหลักสากล
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า 13 คำขอ ที่ยื่นขอจดสิทธิบัตรทั้งสารสกัดกัญชา และองค์ประกอบที่มีสารสกัดกัญชาเป็นส่วนผสม ที่ยังมีความเห็นไม่ตรงกัน ได้ให้กรมทรัพย์สินทางปัญญา ไปหารือกับภาคประชาสังคม เพื่อหาทางออกร่วมกัน โดยให้ดำเนินการโดยเร็วที่สุด ส่วนจะยกเลิกคำขอหรือไม่ อยู่ที่การหารือดังกล่าว ส่วนอีก 20 คำขอจดสิทธิบัตรที่ไม่มีสารสกัดจากกัญชาเป็นองค์ประกอบ แต่เป็นสารสังเคราะห์ที่เกิดจากการนำสารอื่น ๆ มาสังเคราะห์ แล้วได้สารใหม่ที่มีโครงสร้างคล้ายกัญชานั้น ในที่ประชุมไม่มีใครติดใจยื่นจดสิทธิบัตรของต่างชาติ
ส่วนกรณีที่ก่อนหน้านี้ได้สั่งการให้อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา ใช้อำนาจตามมาตรา 30 พ.ร.บ.สิทธิบัตร ยกเลิกคำขอ 1 คำขอที่จดสิทธิบัตรสารสกัดจากกัญชา ซึ่งเป็น 1 ใน 13 คำขอที่มีปัญหานั้น จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถยกเลิกได้ เพราะตามกฎหมายมีขั้นตอนต้องดำเนินการภายในระยะเวลาที่กำหนด ไม่สามารถยกเลิกได้ทันที ตามที่ภาคประชาสังคมต้องการ
ด้าน นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดี สถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า ภาคประชาสังคมต้องการให้กรมทรัพย์สินทางปัญญายกเลิกคำขอจดสิทธิบัตร 13 คำขอในทันที และไม่มีเงื่อนไข เพราะเป็นคำขอที่ขัดต่อ พ.ร.บ.สิทธิบัตร มาตรา 5, มาตรา 9 (1) (4) (5) ที่กำหนดห้ามจดสิทธิบัตรสารสกัดจากธรรมชาติ และขัดต่อศีลธรรมอันดี อนามัย และสวัสดิภาพของประชาชน เพราะกัญชายังเป็นยาเสพติด และไทยยังห้ามการทดลองใช้กับคน หากรับจดสิทธิบัตรจะเกิดความไม่เท่าเทียมกันระหว่างต่างชาติกับคนไทย ซึ่งทางออก กรมทรัพย์สินทางปัญญา ต้องมีคำตอบภายใน 7 วัน ไม่ควรจะใช้เวลาเป็นเดือนหรือเป็นปี ที่ต้องให้ยกเลิกทั้ง 13 คำขอ เพราะไม่ถูกต้องทั้งขัด พ.ร.บ.สิทธิบัตร ผิด พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ และขัดรัฐธรรมนูญในเรื่องความไม่เสมอภาคในการจดสิทธิบัตร
“ถ้าไม่ยกเลิกภายใน 7 วัน จะฟ้องต่อศาลปกครอง และศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง เพื่อให้เพิกถอนคำขอจดสิทธิบัตรที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จากที่ก่อนหน้านี้ ได้ไปยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ให้เอาผิดอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 ไม่ยกเลิกคำขอจดสิทธิบัตรมาแล้ว ซึ่งขณะนี้ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ กำลังจะมีผลบังคับใช้ หากไม่ยกเลิกคำขอจดสิทธิบัตร ผู้จดสิทธิบัตรชาวต่างชาติจะได้ประโยชน์ทันที การรับจดสิทธิบัตรต้องใช้กฎหมายภายในของไทยเป็นหลัก ไม่ใช่ให้ข้อตกลงระหว่างประเทศมามีอำนาจเหนือกฎหมายไทย เช่น สหรัฐฯ การรับจดสิทธิบัตรสารสกัดจากกัญชาทำได้หลังจากอนุญาตให้มีการใช้กัญชาทางการแพทย์แล้ว” นายปานเทพกล่าว