นักวิชาการชง “บิ๊กฉัตร” แก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 เปิดทางให้ “ข้าราชการ-พนักงานเอกชน” ทำงานที่บ้าน ลดการใช้รถยนต์ ขณะที่วิกฤติฝุ่นพิษอยู่ในระดับ “สีส้ม” เริ่มกระทบต่อสุขภาพ
เมื่อวันที่ 16 ม.ค. นายวิจารย์ สิมาฉายา ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยหลังเป็นประธานประชุมเร่งรัดและทบทวนมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือ PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ว่า กระทรวงและหน่วยงานต่างๆ ร่วมกันหารือมาตรการป้องกันและลดผลกระทบจากฝุ่น PM 2.5 มาตั้งแต่วันที่ 19 ธ.ค.2561 แล้ว
ทั้งนี้ สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดฝุ่น PM 2.5 มาจากการจราจร โดยเฉพาะการปล่อยควันดำของรถยนต์ดีเซลที่เครื่องยนต์เผาไหม้ไม่สมบูรณ์ ซึ่งฝุ่นเหล่านี้เดิมมีอยู่แล้ว แต่ด้วยสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยในช่วงนี้ ส่งผลให้เกิดการสะสมของฝุ่นจนเกินมาตรฐานจนอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ
ดร.สุพัฒน์ หวังวงศ์วัฒนา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และอดีตอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่า เพื่อลดฝุ่น PM 2.5 ที่เกิดจากการปล่อยควันดำจากรถยนต์ โดยเฉพาะควันดำที่เกิดขึ้นในช่วงที่รถติดหรือการจราจรอแออัด กลุ่มนักวิชาการมีข้อเสนอว่า ควรกำหนดการใช้รถเป็นวันเลขคู่และเลขคี่ของทะเบียนรถ ซึ่งยอมรับว่าเป็นไปได้ยาก เพราะมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
อย่างไรก็ตาม หากเป็นการขอความร่วมมือให้เจ้าหน้าที่รัฐและพนักงานบริษัทเอกชนทำงานที่บ้าน ไม่ต้องขับรถออกมาทำงาน ก็จะช่วยลดปริมาณฝุ่น PM 2.5 ได้เช่นกัน โดยเฉพาะงานบางงานที่ไม่จำเป็นต้องเดินทางมาที่ทำงาน เพราะสามารถส่งงานผ่านอินเตอร์เน็ตได้อยู่แล้ว ดังนั้น ในการประชุมแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ที่มีพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี ในวันพรุ่งนี้ (17 ม.ค.) จะมีการเสนอแนวทางนี้ให้ที่ประชุมพิจารณา
พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการกองบังคับการตำรวจจราจร กล่าวว่า วันนี้ (16 ม.ค.) ตำรวจจราจรเพิ่มจุดตรวจรถควันดำเพิ่มเป็น 20 จุด จากเดิมที่มี 12 จุด เพื่อแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ขณะที่ผลการตั้งจุดตรวจรถยนต์ควันดำเมื่อวานนี้ (15 ม.ค.) สามารถตรวจจับรถยนต์ที่ปล่อยควันดำเกินมาตรฐานได้ 651 คัน ซึ่งตำรวจจราจรได้ประสานกับกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ให้ใช้อำนาจที่คพ.มีอยู่ ติดสติ๊กเกอร์ห้ามรถดังกล่าวใช้งานเป็นการชั่วคราว 30 วัน เป็นต้น
พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย ระบุว่า สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในขณะนี้อยู่ในระดับสีส้ม คือ เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ซึ่งประชาชนหลายคนได้ซื้อหน้ากาก N95 มาใช้กันเป็นจำนวนมาก แต่อยากให้ใช้งานหน้ากากให้ถูกวิธี หรือเลือกใส่ในเวลาที่เหมาะสม เช่น ใช้ในช่วงการเดินอยู่ริมถนน แต่หากไม่สามารถหาหน้ากาก N95 ได้ ก็ให้ใช้หน้ากากอนามัยแบบธรรมดาแล้วใส่ทิชชู่เพิ่มเข้าไปอีก 2-3 ชั้น ก็จะป้องกันฝุ่น PM 2.5 ได้ใกล้เคียงกับหน้าหาก N95