“เสี่ยแมว” ตั้งเป้าเลือกตั้ง 375 เสียงฝ่าเผด็จการ ชูนายกฯประชาธิปไตย ไม่ต่ออายุสืบทอดอำนาจ ลั่นไม่นับปชป.เป็นฝ่ายปชต. เหน็บจุดยืนยังคลุมเครือ ย้ำไม่รู้ “เจ๊แดง” อยู่ไหน แนะกกต.อย่าเป็นภาระ ลุยสอบเอาผิดพบ “แม้ว” ถึงอังกฤษ ยันแค่ไปเปิดร้านอาหารเท่านั้น
นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล แกนนำพรรคไทยรักษาชาติ(ทษช.) กล่าวในรายการทุบประเด็นทางสถานีโทรทัศน์ “ไบรท์ทีวี” ช่อง 20 ว่า ที่ผ่านมามีบางช่วงเดินทางไปประเทศอังกฤษก็มีโอกาสได้พบกับคนในตระกูลชินวัตรเป็นครั้งคราว แต่ในครั้งนี้คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ได้เข้ามาสอบถามเรื่องนี้ ว่าเหตุใดถึงเดินทางไป จึงได้ตอบไปว่าเพราะพี่สาวและลูกสาวจะเปิดร้านอาหารที่ลอนดอนจึงต้องเตรียมการไปเปิดร้านไม่ได้ตั้งใจจะไปพบใคร ยืนยันตนไม่ใช่กรรมการบริหารพรรคตั้งแต่พรรคเพื่อไทยไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไรเลยแล้วจะมีการยุบพรรคได้อย่างไร แต่หากจะมองว่าจะไปพูดกับใครว่าเป็นนำการชี้นำพรรคการเมืองหรือไม่ มองว่าจะเป็นภาระกับกกต.มากกว่า เพราะจะโยงไปเปรียบเทียบกับรัฐมนตรี 4 คนไปกินข้าวกับนายกฯ ไปเอานโยบายมาใช้ เอาชื่อพลังประชารัฐมาใช้ จะยิ่งใกล้กว่าเรื่องนี้ด้วยซ้ำ เพราะอยู่ในคณะรัฐมนตรี(ครม.) เดียวกัน
“ส่วนนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ไม่ได้เจอกันนานแล้ว ไม่ได้มีการติดต่อกันเลย จึงไม่แน่ใจว่าขณะนี้นางเยาวภาอยู่ที่ไหน ขณะที่การพูดของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ทุกวันจันทร์ถือเป็นสิ่งที่ดีจากการเดินทางไปหลายประเทศ ที่ผ่านมาก็มีการพูดมาหลายครั้งแล้วโดยเห็นจากหลายสื่อตลอดเวลา เพราะนายทักษิณยังอยู่ในความทรงจำของคนไทย ยืนยันว่านายทักษิณ และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ไม่ได้มาสั่งการอะไรได้เลย เป็นการพูดไปเองมากกว่า”นายวรวัจน์ กล่าว
นายวรวัจน์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ จากกติกาในรัฐธรรมนูญต้องทำให้ฝ่ายประชาธิไตยชนะให้ได้ การตั้งพรรคใหม่จะเป็นวิธีให้ฝ่ายประชาธิไตยได้ชัยชนะมากกว่า ถ้ายังอยู่แบบเดิมไม่อาจนำชัยชนะมาให้ฝ่ายประชาธิปไตยได้ ยืนยันความเป็นพรรคการเมืองฮั้วกันไม่ได้ต้องแข่งขันกันอยู่แล้ว โดยฝ่ายประชาธิปไตยต้องการให้ได้เกิน 375 เสียงด้วยซ้ำ เพราะขณะนี้มีการตั้ง ส.ว.มาเป็นผู้เลือกนายกฯด้วย รวมทั้ง 2 สภา 750 คน จำนวนครึ่งหนึ่งอยู่ที่ 375 เสียงจึงต้องทำอย่างไรให้ฝ่ายประชาธิปไตยได้เสียงเกิน 375 เสียงเพื่อตั้งนายกฯฝ่ายประชาธิปไตยให้ได้ จึงเชื่อว่าคนไทยขณะนี้ต้องการเลือกพรรคฝ่ายประชาธิปไตย เพราะถ้าเลือกผิดจะทำให้การสืบทอดอำนาจยาวต่อไป ส่วนพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ที่ยังไม่ชัดเจนจึงไม่นับว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยหรือไม่ เชื่อว่าคนไทยไม่เอาฝ่ายที่คลุมเคลือ รวมถึงไม่ต่ออายุให้ฝ่ายสืบทอดอำนาจแน่นอน
“วันนี้ระแบบเศรษฐกิจหดตัวอย่างมาก เราต้องเชื่อมโยงไปทั่วโลกโดยดึงเงินลงทุนและนักท่องเที่ยวเข้ามา จึงต้องแก้โจทย์เรื่องรายได้เป็นหลัก เพราะ 4-5 ปีที่ผ่านมารายได้หดแห้งมีหนี้สิน ถือเป็นปัญหาวิกฤติที่ต้องเร่งแก้ไข ไม่ใช่แจกเงินแล้วหายไป แต่ต้องทำอย่างให้ประชาชนเข้มแข็งกว่าเดิม ส่วนโครงการรับจำนำข้าว ยาง ปาล์ม ต้องดำเนินการ ส่วนความสำเร็จก็ไม่เท่ากันเพราะอยู่ที่ฝีมือ จึงอยู่ที่ประชาชนจะไว้วางใจใครเท่านั้น ดังนั้นประเทศไทยหลังการเลือกตั้งเชื่อว่า คนไทยมีใจหลอมรวมกันเพื่อเดินออกมากำหนดประเทศอีกครั้ง แล้ววันนั้นสภาวะเศรษฐกิจจะกลับคืนมาแน่นอน”นายวรวัจน์ กล่าว