หมอห่วง! อายุไม่เกิน 20 ปี อยู่ในพื้นที่ฝุ่นจิ๋วหนาแน่นต่อเนื่อง ไม่ต่างสูบบุหรี่เสี่ยงเป็นมะเร็งปอดสูง ระบุประชาชนที่อยู่อาศัยในพื้นที่ฝุ่นยาวนาน เสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจและสมองสูง
เมื่อวันที่ 18 มกราคม ในงานแถลงข่าว “มาตรการการดูแลสุขภาพและการจัดการที่ประชาชนสามารถดำเนินการได้เกี่ยวกับฝุ่นขนาดเล็ก PM2.5” รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและ วัณโรคภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ฝุ่น PM 2.5 ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ 2 ส่วน คือ 1.ผลเฉียบพลัน ซึ่งเกิดขึ้นได้กับทุกคน อยู่ที่ความเข้มข้นของมลพิษ จะมีอาการแสบตา แสบจมูก ระคายคอ เสมหะได้ ส่วนผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ปอดเรื้อรัง ถุงลมโป่งพอง จมูกภูมิแพ้ ไซนัส ทำให้มีอาการมากขึ้น 2.ผลระยะยาว โดยเฉพาะกลุ่มเด็ก ซึ่งหมายรวมไปถึงคนอายุ 20 ปี ซึ่งแต่ละคนเมื่อเกิดมาจะมีถุงลมจำนวน 25 ล้านใบ และพัฒนาเพิ่มเป็น 8 เท่า หรือ 300 ล้านใบ เมื่ออายุ 10 ปี โดยปอดจะขยายตัวเต็มที่ที่อายุ 20 ปี จนเต็มประสิทธิภาพและค่อยลดลงไปตามอายุ
“ฝุ่น PM2.5 ทำให้เกิดการระคายเคืองของปอดไม่ต่างจากควันบุหรี่ ส่งผลให้สมรรถภาพปอดของเด็กที่อยู่ในพื้นที่ที่มีฝุ่น PM2.5 ถดถอยกว่าเด็กในวัยเดียวกันที่อยู่ในพื้นที่ที่ไม่มีฝุ่นหรือฝุ่นน้อย หากต้องอยู่ภายใต้ฝุ่นเช่นนี้หลาย ๆ ปี สมรรถภาพปอดที่อายุ 20 ปีจะขยายไปสู่จุดสูงสุดไม่ได้ และสมรรถภาพจะลดลงเร็วกว่าเด็กที่ไม่สัมผัสฝุ่น เมื่ออายุ 40-50 ปี สมรรถภาพปอดอาจถดถอยเหมือนคนเป็นโรคถุงลมโป่งพองในคนสูบบุหรี่ และยังทำให้เกิดการระคายเคืองของเซลล์ในปอดตลอดเวลา เป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปอดได้เหมือนกับบุหรี่ ภายในระยะเวลา 10-20 ปีข้างหน้า” รศ.นพ.นิพัฒน์ กล่าว
ศ.นพ.วินัย วนานุกูล หัวหน้าภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า การศึกษาในประเทศที่มีปัญหาฝุ่น PM2.5 เช่น จีน สหรัฐอเมริกา ยุโรปบางประเทศ พบว่า ช่วงที่บรรยากาศมีฝุ่น PM2.5 เยอะ มีผู้ป่วยเข้ารักษาตัวในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลสูงขึ้น และมีการเสียชีวิตจากโรคทางปอดและหลอดเลือดหัวใจเพิ่มขึ้น เป็นผลระยะสั้นที่ขึ้นพร้อมกับอัตราการเพิ่มของฝุ่น
ส่วนในระยะยาวประชาชนอาศัยในพื้นที่ที่มีฝุ่นเป็นเวลานาน พบว่า ประชาชนในเมืองนั้นมีโรคเกี่ยวกับโรคหลอดเลือดหัวใจและสมองสูงขึ้น นอกจากนั้นยังพบว่า มีอาการเกิดโรคสมองเสื่อมเพิ่มขึ้น โดยฝุ่นทำให้เกิดอนุมูลอิสระและก่อให้เกิดโรคต่อ หรือฝุ่นไปเหนี่ยวนำทำให้เกิดอักเสบในตำแหน่งที่ฝุ่นเข้าไปอยู่จึงเกิดปัญหาตามมา ที่สำคัญในฝุ่นนั้นอาจมีสารโลหะหนักบางชนิด หรือสารก่อมะเร็งปะปนอยู่ ซึ่งประชากรตรงนั้นก็มีอัตราการเกิดมะเร็งเพิ่มด้วยโดยเฉพาะมะเร็งปอด