อย.ดึง “ลาซาด้า” สร้างเครื่องมือคัดกรองผลิตภัณฑ์สุขภาพผิดกฎหมาย ตั้งสแกนคำไม่ให้ขึ้นขายหน้าเว็บ เดือนเดียวพบสินค้า 1.7 หมื่นรายการผิดกฎหมาย เล็งขยายใช้กับมาร์เก็ตเพลสทุกแห่ง
นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดเผยว่า อย.ได้ประสานบริษัท ลาซาด้า จำกัด เพื่อร่วมกันหารือและให้คำแนะนำการดำเนินกิจการการค้าออนไลน์เกี่ยวกับข้อกฎหมายผลิตภัณฑ์สุขภาพที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจ และแนวทางการเผยแพร่โฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพทางเว็บไซต์ที่ถูกต้อง ป้องกันการโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ฝ่าฝืนกฎหมายทางมาร์เก็ตเพลส เนื่องจากที่ผ่านมาพบปัญหาการโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ผิดกฎหมาย โดยเฉพาะทางสื่ออินเทอร์เน็ต ซึ่ง อย. ได้ดำเนินคดีโดยแจ้งระงับโฆษณาและเปรียบเทียบปรับผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น ผู้โพสต์ขายของ เจ้าของผลิตภัณฑ์ และ พรีเซ็นเตอร์ เป็นต้น โดยดำเนินการร่วมกับ กสทช. และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมอยู่หลายคดี แต่ในการดำเนินการครั้งนี้เป็นมาตรการเชิงรุก เบื้องต้นลาซาด้าได้สร้างเครื่องมือคัดกรอง โปรแกรมสแกนคำ ถ้าพบถ้อยคำผิดกฎหมายหรือไม่อนุญาต โปรแกรมนี้จะสกัดกั้นไม่ขึ้นไปหน้าเว็บไซต์ของลาซาด้า
นพ.ธเรศ กล่าวอีกว่า หนึ่งเดือนที่ผ่านมา สามารถสกัดผลิตภัณฑ์สุขภาพที่น่าจะ ผิดกฎหมายออกไปได้ถึง 17,000 รายการ โดยอาศัยข้อมูลจากการเเจ้งเบาะแสจากเครือข่าย เช่น มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค (มพบ.) อาจารย์มหาวิทยาลัย การพัฒนาเทคโนโลยี ใหม่ ๆ มาใช้ในการปิดกั้น (Block) คำหรือข้อความ ก่อนการเผยแพร่ การลงโทษผู้ประกอบการร้านค้าออนไลน์ โดยหักคะแนนผู้ขายที่ปฏิบัติไม่ถูกต้อง ซึ่งหากทำผิดบ่อยครั้ง จะถูกปิดกั้น (Block) และยกเลิกสัญญา และมีการให้ความรู้กับผู้ประกอบการร้านค้าก่อนที่จะเข้ามาเป็นผู้ขายในลาซาด้า เป็นต้น และในอนาคตกำลังพัฒนาระบบรายงาน (Reporting system) ในรูปแบบช่องให้เลือก (Drop down list) ผู้บริโภคสามารถกดรายงาน (Report) ผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ละเมิดกฎหมายได้ ในขณะเดียวกันลาซาด้าจะต้องรายงานกรณีผู้ประกอบการที่มีผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ละเมิดกฎหมายให้ อย.ทราบด้วย เพื่อจะได้ติดตามดำเนินการตามกฎหมาย และมีการเชื่อมต่อฐานข้อมูลระหว่าง ลาซาด้า และ อย. ในเรื่องของฐานข้อมูลขออนุญาตผลิตภัณฑ์ และขออนุญาตโฆษณา เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการตรวจสอบการขายและ การโฆษณาของผู้ประกอบการร้านค้าออนไลน์ด้วย
หากโมเดลนี้สมบูรณ์จะขยายไปยังมาร์เก็ตเพลสทุกแห่ง รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กสทช. และเครือข่ายประชาชน เช่น มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เพื่อให้การดำเนินงานเป็นมาตรฐานเดียวกัน และมีประสิทธิภาพต่อไป