เสวนา “เลือกตั้ง 62 จุดเปลี่ยนประเทศไทย” ปริญญา เปิด 3 จุดอ่อนพรรคใหญ่ “พปชร.” ติดปมสืบทอดอำนาจ “เพื่อไทย” สลัดภาพ “แม้ว” ไม่หลุด “ปชป.” แพ้เลือกตั้งตลอด หนุนใช้สิทธิกำหนดประเทศ ปิดช่องทหารยึดอำนาจ
30 ม.ค.62-นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีฝ่ายความยั่งยืนและบริหารศูนย์รังสิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนักวิชาการด้านกฎหมายมหาชน กล่าวตอนหนึ่งระหว่างการเสวนา “เลือกตั้ง 62 จุดเปลี่ยนประเทศไทย” ที่โรงแรมคิงพาวเวอร์ รางน้ำ ว่า เป็นห่วงว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ จะถูกเสนอชื่อในบัญชีพรรคการเมือง ซึ่งจะแตกต่างจากในยุคพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีรัฐบุรุษ ที่ไม่ได้มาจากการปฏิวัติ และไม่ได้เกี่ยวข้องกับการร่างรัฐธรรมนูญ แต่แค่เราดูว่าการสืบทอดอำนาจครั้งนี้ใครเป็นผู้เลือก ส.ว. เพราะการมีอำนาจต่อหลังเลือกตั้งถือมีความชัดเจน ส่วนระบบเลือกตั้งถึงจะมีปัญหาในระบบใหญ่ แต่กลับมีข้อดีในระบบสัดส่วน คาดว่าจะมีการพรรคการเมืองที่ได้บัญชีรายชื่อเข้ามาได้ อาทิ พรรคอนาคตใหม่ ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ ยังไม่มีความชัดเจนแต่จะถูกล็อคไปอยู่ข้างพลังประชารัฐหรือไม่ เพราะจะเป็นข้อเสียของพรรคประชาธิปัต์ที่เป็นการกั๊กไว้ก่อน ถ้ามีคำถามว่าถ้าเลือกประชาธิปัตย์จะเปลี่ยนประเทศไทย หรือจะไปยกมือประยุทธ์หรือไม่ ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์ควรมีท่าทีชัดเจนกว่านี้
“นอกจากนี้ยังมีความรู้สึกของคนที่ต่อ คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ที่เริ่มรู้สึกว่ากกต.จะเกรงใจ คสช.มากพอสมควร จะทำให้เกิดปัญหาที่พล.อ.ประยุทธ์จะเป็นว่าที่นายกฯ และจะมีคำถามตามมาในบทบาทต่อการจัดเลือกตั้งของกกต.”นายปริญญา กล่าว
นายปริญญา กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ถ้าพล.อ.ประยุทธ์จะมาเป็นนายกฯ พรรคพลังประชารัฐต้องมาอันดับ 1 มากกว่าพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์ ขณะที่การแก้เกมของเพื่อไทยจากกติกาที่ออกมา คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญก็นึกไม่ถึงในการแตกพรรค ซึ่งแต่ละพรรคมีจุดอ่อนคนละอย่าง ตั้งแต่พรรคพลังประชารัฐมีประเด็นสืบทอดอำนาจ ส่วนพรรคเพื่อไทยยังแยกไม่ออกกับนายทักษิณ ชินวตร อดีตนายกฯ และประชาธิปัตย์ก็แพ้พรรคเพื่อไทยมาตลอด แต่โจทย์ใหญ่จะมองได้ชัดหลังวันที่ 8 ก.พ.นี้ นอกจากนี้ ถ้าพล.อ.ประยุทธ์จะลงบัญชีนายกฯ พรรคพลังประชารัฐ ก็อาจบอกได้ว่ามาตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งเชื่อว่าจะไม่เกิดการกระท้วงเหมือนปี 2535 เพราะมาจากเงื่อนไขต่างกัน ส่วนหลังการเลือกตั้งนั้นใน 5 ปีแรกจะแก้รัฐธรรมนูญได้ยากมาก ถ้าพล.อ.ประยุทธ์จะเป็นนายกฯต่อไป ที่ผ่านมาการรัฐประหารไม่เคยมีใครอยู่นานได้เท่า คสช. เพราะเราแตกแยกเป็น 2 ข้าง ทหารจึงมาปกครอง ถ้าเราไม่แตกแยกทหารจะมาปกครองไม่ได้ ต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าเราปกครองตัวเองได้
“การเลือกตั้ง 24 มี.ค.ถือเป็นจุดเริ่มเปลี่ยน ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ไม่เป็นนายกฯต่อจากการถอนตัว หรือพรรคพลังประชารัฐไม่มา ก็จะเกิดการเมืองแบบประณีประณอม แล้วหาเสียงกับส.ว. เราจะเห็นการประนีประนอมทางการเมือง ใน 5 ปีจากนี้ และผมเชื่อว่าจะเป็นจุดเปลี่ยนได้”นายปริญญา กล่าว
ด้านนายโคทม อารียา ที่ปรึกษาสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ในฐานะอดีต กกต. กล่าวว่า ที่บอกว่าการเลือกตั้งจะมีปัญหาถือเป็นการมองไกลเกินไป ทุกฝ่ายต้องทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้ ให้ผู้ที่จะมาปกครองประเทศ ต้องผ่านความเห็นชอบจากผู้มีสิทธิเลือก เชื่อว่าหากมีผู้มาลงคะแนนที่ 75 เปอร์เซ็นต์ถือว่าน่าชื่นชมสำหรับกกต.แล้ว ไม่น่าจะถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ส่วนการเมืองต้องมีหลักการ โดยพรรคพลังประชารัฐจะเสนอชื่อใครมาเป็นนายกฯ ก็นำส.ส.มาเป็นนายกฯได้ แต่ถ้าไม่เอาคนเป็นส.ส.มาเป็นนายกฯ ก็จะผิดประเพณีที่พูดกันมา ดังนั้นขอให้หลังเลือกตั้งอให้การเมืองมีหลักการมากขึ้น และลดความสำคัญของตัวบุคล แต่ขอฝากความหวังไว้ที่คสช. แต่ตนก็เชื่อว่าตัวเองจะผิดหวังจาก คสช.ด้วย