สธ. ส่งทีมปฏิบัติการกรมอนามัย ลงพื้นที่พระราม 2 ดูแลสุขภาพประชาชน หลังพบค่าฝุ่นเกินมาตรฐานต่อเนื่อง กำชับประชาชนติดตามสถานการณ์ฝุ่นในพื้นที่ตนเอง และปฏิบัติตัวตามคำแนะนำ
วันนี้ (30 มกราคม 2562) ที่ศูนย์ปฏิบัติการด้านการแพทย์และสาธารณสุข (EOC) สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จ.นนทบุรี ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูง สธ. แถลงข่าวมาตรการดูแลสุขภาพประชาชนที่ได้รับผลกระทบในสถานการณ์ฝุ่นขนาดเล็ก PM2.5 โดย ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ให้ความสำคัญกับมาตรการการดูแลสุขภาพประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากฝุ่นขนาดเล็ก PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล จึงขอให้ประชาชนติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ที่ตนเองอาศัยและพื้นที่ที่จะเดินทางไป จากเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน Air4Thai ของกรมควบคุมมลพิษ หรือ AirVisual และคำแนะนำในการดูแลสุขภาพจากเว็บไซต์กรมอนามัย anamai.moph.go.th หัวข้อ ภัยสุขภาพจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 เพื่อป้องกันตนเอง รวมทั้งได้ให้อาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ร่วมกับภาคีเครือข่าย ลงพื้นที่สื่อสารแจ้งเตือน ให้ความรู้ในการป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพที่ถูกต้อง การใส่หน้ากากที่ถูกต้อง ในวันนี้ ได้ส่งทีมปฏิบัติการกรมอนามัยลงพื้นที่พระราม 2 แล้ว
ทั้งนี้ การดูแลสุขภาพ ขอให้ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง หลีกเลี่ยงการออกนอกบ้านและเข้าไปในพื้นที่เสี่ยง หากอยู่นอกบ้านและขณะเดินทางให้สวมหน้ากาก ไม่ออกกำลังกายในพื้นที่เสี่ยง ผู้ป่วยโรคเรื้อรังมีอาการผิดปกติให้ไปพบแพทย์ ประชาชนทั่วไป ขอให้ลดเวลาการทำกิจกรรมนอกบ้าน หากจำเป็นต้องสวมหน้ากากป้องกันฝุ่น จำกัดการทำกิจกรรมที่แรงมากและการออกกำลังกายกลางแจ้ง
ด้าน นพ. สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สธ. ได้ประชุมมาตรการเร่งด่วนด้านกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดูแลสุขภาพประชาชน เปิดศูนย์ปฏิบัติการด้านการแพทย์และสาธารณสุข (EOC) ที่ส่วนกลาง และในพื้นที่เสี่ยง 5 จังหวัดปริมณฑล ได้แก่ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร นครปฐม ติดตามเฝ้าระวังผลกระทบด้านสุขภาพจากปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง และมอบให้กรมอนามัย กรมควบคุมโรค กรมการแพทย์ จัดทีมปฏิบัติการลงพื้นที่เสี่ยงทั้งใน กทม.และปริมณฑล ตั้งแต่เริ่มพบสถานการณ์ฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐาน ดำเนินการเชิงรุกในการให้ความรู้ สร้างความตระหนักแก่ประชาชน ป้องกันและดูแลสุขภาพ ร่วมกับภาคีเครือข่าย เช่น โรงเรียน ศูนย์พัฒนาเด็กปฐมวัย สถานีรถไฟฟ้า สถานีตำรวจ ศูนย์การค้า สวนสุขภาพ และชุมชน เผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้อง การป้องกันตนเองที่ถูกต้องผ่านสื่อโซเชียลและสื่อหลัก สนับสนุนสื่อให้ความรู้ แจกหน้ากากอนามัย พร้อมแนะนำวิธีการใช้ที่ถูกต้อง เตรียมความพร้อมสถานพยาบาล จัดคลินิกเฉพาะโรคให้คำปรึกษา ประชาชนมีข้อสงสัยสอบถามสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422