สช.ตั้งเป้า ปี 2562 เร่งพัฒนาคุณภาพโรงเรียนเอกชนให้เป็นทางเลือกของผู้ปกครอง และแบ่งเบาภาระรัฐในการจัดการศึกษา พร้อมพัฒนาการศึกษาด้านอาชีพของโรงเรียนเอกชน ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)
พลเอก สุทัศน์ กาญจนานนท์กุล ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวในการเป็นประธานงาน “วันการศึกษาเอกชนและมหกรรมการศึกษาเปิดโลกสู่ EEC” ภายใต้แนวคิด “การศึกษาเอกชนเสริมสร้างความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ว่า ปัจจุบันการศึกษาเอกชนมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง และโรงเรียนเอกชนบางแห่งเป็นผู้นำทางวิชาการที่มีคุณภาพสูง เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ ซึ่งโรงเรียนเอกชนได้จัดการเรียนการสอน เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชน และช่วยแบ่งเบาภาระของรัฐในการจัดการศึกษาให้กับประชาชนได้เป็นอย่างดี ดังนั้น สช.ในฐานะเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบในการจัดการศึกษา จึงได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพเด็กไทยให้มีความพร้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 งาน วันการศึกษาเอกชนฯ จึงจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมการจัดกิจกรรม การจัดการเรียนรู้ของผู้เรียนผ่านกิจกรรมทางวิชาการ โดยผู้บริหาร ครู บุคลากรทางการศึกษา นักเรียน นักศึกษา จะได้นำความรู้จากการแลกเปลี่ยนนวัตกรรมการเรียนการสอนมาประยุกต์ใช้ เพื่อผลักดันการศึกษาเอกชนให้พัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพตามมาตรฐานคุณภาพการศึกษา และยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของโรงเรียนเอกชนให้สูงขึ้น อีกทั้งเพื่อรองรับและพัฒนาเครือข่ายการจัดการศึกษาด้านอาชีพของโรงเรียนเอกชน ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)ด้วย
นายชลำ อรรถธรรม เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน กล่าวว่า ในปี 2562 สช. ต้องการให้การเดินหน้าพัฒนาการจัดการศึกษาเอกชนยังคงทำหน้าที่จัดการศึกษา เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระให้กับรัฐบาล และเป็นโรงเรียนทางเลือกที่สำคัญของพ่อแม่ ผู้ปกครอง ในการเลือกสถานศึกษาที่มีคุณภาพ ในการจัดการเรียนการสอนเพื่อลูกหลาน ด้วยทิศทางการจัดการศึกษาโรงเรียนเอกชนที่จะมีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ด้วยการมุ่งพัฒนาโรงเรียนที่มีคุณภาพ และด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน พบว่าประชากรมีอัตราการเกิดลดลง ส่งผลกระทบในด้านจำนวนผู้เรียนกับโรงเรียนทุกสังกัด ซึ่งรวมถึงสังกัดเอกชนด้วย แต่ด้วยคุณลักษณะของโรงเรียนเอกชนซึ่งมีการบริหารจัดการที่มีอิสระ คล่องตัว ถือเป็นจุดเด่นของโรงเรียนเอกชน ทำให้พ่อ แม่ ผู้ปกครองมีสิทธิ์ในการเลือกสถานศึกษาให้ลูกหลานได้อย่างอิสระ แม้จะมีเขตบริการก็ตาม ก็สามารถเลือกสถานศึกษาข้ามเขตได้อย่างอิสระ ดังนั้นทิศทางของโรงเรียนเอกชนต้องพัฒนาคุณภาพให้เป็นที่ยอมรับ
นายชลำ กล่าวย้ำว่า แม้ปัจจุบันสถานศึกษาเอกชนจะยังมีจุดอ่อนอยู่บ้างในเรื่องการพัฒนาคุณภาพของโรงเรียน เพราะต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมาก ซึ่งรัฐได้ช่วยสนับสนุนในระดับหนึ่ง และเปิดโอกาสให้ผู้ปกครองมีส่วนร่วมในการสนับสนุนอีกส่วนหนึ่ง ถือว่าเป็นโอกาสในการพัฒนาคุณภาพที่เป็นจุดแข็งของภาคเอกชน อย่างไรก็ตามก็ขอให้สาธารณชนได้มั่นใจว่าโรงเรียนเอกชนเป็นโรงเรียนที่มีความเป็นอิสระในการบริหารทั้งงานบุคคล งานวิชาการ และมีความคล่องตัวในการทำให้โรงเรียนมีคุณภาพ จึงขอให้เชื่อมั่น ในศักยภาพของผู้บริหาร ครูโรงเรียนเอกชน ที่จะสามารถทำโรงเรียนเอกชนให้เป็นที่พึ่งของประชาชนในเรื่องทางเลือกของโรงเรียนคุณภาพต่อไป