“สวนดุสิตโพล” เปิดผลสำรวจปชช. 54 % สนใจข่าวเลือกตั้ง 24 มี.ค. เกาะติดศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรค อีก 39 % หวั่นเลือกตั้งไม่โปร่งใส-ทำผิดกติกา
17 ก.พ.2562-“สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,186 คน ระหว่างวันที่ 12-16 ก.พ.2562 ภายหลังช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมากระแสข่าวการเมืองค่อนข้างร้อนแรง โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการเลือกตั้งที่กำลังเป็นที่จับตามองและวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง เพื่อสะท้อนความคิดเห็นของประชาชนที่สนใจติดตามข่าวการเมือง สรุปได้ดังนี้
“5 อันดับข่าวการเมือง” ที่ประชาชนสนใจติดตามมากที่สุด
อันดับ 1 การเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค. 54.68 % เพราะใกล้จะถึงวันเลือกตั้งแล้ว สถานการณ์ร้อนแรง เป็นเรื่องสำคัญที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของบ้านเมือง อยากออกไปใช้สิทธิ ฯลฯ
อันดับ 2 การตัดสินของศาล รธน. /การดำเนินการทางกฎหมาย 30.22 % เพราะมีคดีต่างๆ เกิดขึ้นหลายคดี เช่น คดียุบพรรค ตัดสิน 6 แกนนำพันธมิตร ปิดวอยซ์ทีวี เป็นต้น ฯลฯ
อันดับ 3 การสรรหานายกรัฐมนตรี /เสนอรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ 21.04 % เพราะเป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญต่อบ้านเมือง อยากรู้ว่ามีใครจะมาเป็นนายกฯ อยากฟังนโยบาย ดีเบตกันเพื่อแสดงวิสัยทัศน์ ฯลฯ
อันดับ 4 ผู้สมัครหน้าใหม่และพรรคการเมืองใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น 19.87 % เพราะเป็นการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ทำให้เห็นอะไรใหม่ๆ หลายคนน่าสนใจ เป็นกระแสสังคมที่เกิดขึ้นโด่งดังในโลกโซเชียล ฯลฯ
อันดับ 5 การหาเสียงของพรรคการเมืองต่างๆ 15.29 % เพราะมีรูปแบบวิธีการหาเสียงที่แปลกใหม่ น่าสนใจมากขึ้น การแข่งขันสูง แต่ละพรรคมีนโยบายที่แตกต่างกัน ฯลฯ
จากข่าวที่เกิดขึ้นทำให้ประชาชนวิตกกังวลในเรื่องใดบ้าง
อันดับ 1 การเลือกตั้งอาจไม่โปร่งใส มีการทำผิดกฎ กติกาที่ตั้งไว้ 39.49%
อันดับ 2 กระแสข่าวการทำรัฐประหาร ปฏิวัติซ้อน 31.98%
อันดับ 3 อนาคตของประเทศหลังการเลือกตั้ง เศรษฐกิจ ชีวิตความเป็นอยู่ 27.41%
อันดับ 4 การเลือกนายกรัฐมนตรี ใครจะได้เป็นนายกฯ 20.52%
อันดับ 5 วิธีการเลือกตั้ง จำนวนบัตร การลงคะแนน 14.21%
จากข่าวที่เกิดขึ้นมีผลต่อการตัดสินใจในการเลือกตั้งครั้งนี้อย่างไรบ้าง
อันดับ 1 ต้องศึกษาข้อมูลให้มากขึ้น โดยเฉพาะนโยบายและคุณสมบัติของผู้สมัคร 35.44%
อันดับ 2 ไม่มีผลต่อการตัดสินใจ มีผู้สมัครและพรรคการเมืองในใจอยู่แล้ว 24.67%
อันดับ 3 ตัดสินใจยากขึ้น กระแสข่าวมีทั้งดีและไม่ดี 21.56%
อันดับ 4 ต้องไปใช้สิทธิเลือกตั้งในครั้งนี้ 15.89%
อันดับ 5 อยากเปิดโอกาสให้พรรคใหม่ๆ คนใหม่ๆ เข้ามาทำงาน 12.33%