ราคาน้ำมันดิบพุ่งทำสถิติใหม่ของปีนี้ หลัง “ทรัมป์” เลื่อนเส้นตายขึ้นภาษีสินค้าจีน

สัญญาน้ำมันดิบ WTI พุ่งติดต่อเป็นวันที่ 6 ปิดที่ 56.92 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล รับข่าวดี “ทรัมป์” ประกาศเลื่อนเส้นตายขึ้นภาษีสินค้าจีนออกไปจาก 1 มี.ค.นี้ ขณะที่นักลงทุนขานรับโอเปกลดกำลังผลิต

เมื่อคืนวันพุธ (20 ก.พ.) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) งวดมอบเดือนมี.ค. ปิดที่ 56.92 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.83 เหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 1.5% ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ งวดส่งมอบเดือนเม.ย. ปิดที่ 67.08 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.63 เหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น1%

สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้นติดต่อกัน 6 วันทำการ ทำสถิติสูงสุดใหม่ของปีนี้ และเป็นระดับที่สูงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 12 พ.ย.ปีที่แล้ว โดยได้รับแรงหนุนหลักจากรายงานการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกที่ลดลง รวมถึงมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐต่อประเทศผู้ส่งออกน้ำมันเช่นอิหร่านและเวเนซุเอลา

สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากตลาดทุนที่แข็งแกร่ง หลังมีสัญญาณว่าการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนมีความคืบหน้า โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระบุว่า การเจรจากับจีนดำเนินไปได้ด้วยดี และเขาจะขยายกำหนดเส้นตายในการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีน มูลค่า 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ออกไปจากวันที่ 1 มี.ค.นี้

อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) คาดการณ์ว่า การผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดาน (shale oil) ของสหรัฐจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 8.4 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ทั้งนี้ BNP Paribas กลุ่มธนาคารที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 8 ของโลก ระบุว่า การผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐจะส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงในช่วงปลายปี โดยคาดว่าในไตรมาสที่ 4 ปีนี้ ราคาน้ำมันดิบเบรนต์จะลดลงสู่ระดับเฉลี่ย 67 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ WTI จะอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 61 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

ขณะที่ในวันนี้ เวลา 23.00 น.ตามเวลาไทย EIA จะรายงานสต็อกน้ำมันดิบคงคลังประจำสัปดาห์ของสหรัฐ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะพุ่งขึ้น 3.5 ล้านบาร์เรล ในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 15 ก.พ. ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินคาดว่าจะลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีทติ้งออยล์และดีเซล จะลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล

บมจ.ไทยออยล์รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมันประจำวันที่ 21 ก.พ. ว่า ราคาน้ำมันดิบ WTI และเบรนท์ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนกำลังดำเนินการไปได้ด้วยดี และจะมีการเลื่อนกำหนดเส้นตายในการบรรลุข้อตกลงกับจีน จากแผนการเดิมได้กำหนดว่าสหรัฐจะเพิ่มอัตราภาษีสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐจาก 10% เป็น 25% หากทั้งสองฝ่ายไม่บรรลุข้อตกลงภายในวันที่ 1 มี.ค.นี้

ขณะที่กลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตร เปิดเผยตัวเลขการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบในเดือน ม.ค. อยู่ที่ 83% เมื่อเทียบกับข้อตกลงที่ทำร่วมกันในการประชุมโอเปกครั้งที่ผ่านมาในการปรับลดกำลังผลิตลง 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน

ด้านรมว.กระทรวงพลังงานซาอุดิอาระเบียเชื่อมั่นว่า ตลาดน้ำมันดิบจะเข้าสู่ภาวะสมดุลในเดือน เม.ย.นี้ จากอุปทานที่ปรับตัวลดลง หลังสหรัฐมีมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่านและเวเนซุเอลา

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ จะปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.1 ล้านบาร์เรล ไปอยู่ที่ระดับ 450.8 ล้านบาร์เรล ซึ่งจะนับเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นเวลา 5 สัปดาห์ติดต่อกัน และแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย.ปีที่แล้ว

นอกจากนี้ สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานว่ากำลังการผลิตน้ำมันดิบจากชั้นหินดินดาน (shale oil) ในสหรัฐมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น 84,000 บาร์เรล/วัน ในเดือน มี.ค. ไปแตะระดับสูงสุดที่ 8.4 ล้านบาร์เรล/วัน

บมจ.ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้ โดยคาดว่าราคาน้ำมันดิบ WTI จะเคลื่อนไหวในกรอบ 52-58 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะเคลื่อนไหวในกรอบ 62-68 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า