ราคาน้ำมันร่วง 0.4% หลังสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งไม่หยุด

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ร่วง 0.4% ปิดที่ 56.96 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หลัง EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่ง 3.7 ล้านบาร์/เรล ส่งผลให้สต็อกน้ำมันแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ต.ค.ปีที่แล้ว

เมื่อคืนวันพฤหัส (22 ก.พ.) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) งวดส่งมอบเดือนมี.ค. ปิดที่ 56.96 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลง 0.20 เหรียญสหรัฐ หรือลดลง 0.4% หลังจากราคาพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดในรอบปีนี้ที่ 57.61 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เมื่อวันก่อน ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ งวดส่งมอบเดือนเม.ย. ปิดที่ 67.07 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลง 0.01 เหรียญสหรัฐ

สัญญาซื้อขายน้ำมันดิบ WTI ลดลง หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 6 วันทำการ เนื่องจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้น 3.7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 15 ก.พ. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 5 และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 3.5 ล้านบาร์เรล

ส่งผลให้สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐอยู่ที่ 454.5 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2560 แม้ว่ายอดส่งออกน้ำมันดิบของสหรัฐจะพุ่งขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน สู่ระดับ 3.6 ล้านบาร์เรล/วันก็ตาม

ในขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล มากกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล

EIA ยังระบุด้วยว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้น 100,000 บาร์เรล/วัน แตะระดับ 12 ล้านบาร์เรล/วันในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทำให้สหรัฐซึ่งกลายเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลกเมื่อปีแล้ว ยังคงเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลกต่อไป โดยก่อนหน้านี้ EIA ระบุว่า การผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดาน (shale oil) ของสหรัฐ จะพุ่งขึ้นแตะระดับ 8.4 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน

ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาการประชุมกลุ่มโอเปก ในวันที่ 17-18 เม.ย.นี้ เพื่อดูสัญญาณการปรับลดกำลังการผลิตของโอเปกและประเทศพันธมิตรในช่วงครึ่งปีหลัง ขณะที่ไนจีเรีย ซึ่งเป็นสมาชิกกลุ่มโอเปก ได้ส่งสัญญาณว่าจะจำกัดการผลิตน้ำมัน หลังจากการผลิตน้ำมันของไนจีเรียเพิ่มขึ้นในช่วงเดือนม.ค.ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม การลดลงของอุปทานน้ำมันดิบ ซึ่งเป็นผลมาจากการที่กลุ่มโอเปกและพันธมิตรลดกำลังการผลิต มาตรการคว่ำบาตรสหรัฐต่อประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน คือ อิหร่านและเวเนซุเอลา เหตุการณ์ความไม่สงบในลิเบีย รวมถึงความก้าวหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนราคาน้ำมัน

ด้านบมจ.ไทยออยล์รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมันประจำวันที่ 22 ก.พ. ว่า ราคาน้ำมันดิบ WTI และเบรนท์ ปรับตัวลดลง หลังสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ ประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 15 ก.พ. ว่า ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.7 ลานบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 454.5 ล้านบาร์เรล โดยเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ต.ค.2560 หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้น 5 สัปดาห์ติดต่อกัน

ขณะที่ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐประจำสัปดาห์ล่าสุด ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาแตะระดับสูงสุดที่ 12 ล้านบาร์เรล/วัน ในขณะที่กำลังการกลั่นน้ำมันดิบของโรงกลั่นสหรัฐปรับตัวลดลง 57,000 บาร์เรล/วัน และลดลงมาอยู่ที่ระดับ 85.9 ของกำลังการกลั่นรวม โดยเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2560 เนื่องจากเข้าสู่ช่วงการปิดซ่อมบำรุงโรงกกลั่น

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากอุปทานที่มีแนวโน้มตึงตัวขึ้น หลังจากทั้งกลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตรทำข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบลง 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน การส่งออน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงของเวเนซุเอลาและอิหร่าน เนื่องจากการคว่ำบาตรของสหรัฐ และความไม่สงบในลิเบียที่อาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกน้ำมันดิบ

บมจ.ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้ โดยคาดว่าราคานํ้ามันดิบ WTI จะเคลื่อนไหวในกรอบ 52-58 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และราคานํ้ามันดิบเบรนท์ จะเคลื่อนไหวในกรอบ 62-68 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า