รมว.พลังงาน สั่งกรมเชื้อเพลิงฯ เร่งเปิดประมูลสัมปทานปิโตรเลียมในอ่าวไทยรอบใหม่ ภายใน มิ.ย.นี้ ระบุใช้รูปแบบสัญญาแบ่งปันผลผลิตทุกแปลง
เมื่อวันที่ 25 ก.พ. นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน ลงนามสัญญาสำรวจและผลิตปิโตรเลียมรูปแบบสัญญาแบ่งปันผลผลิต (PSC) 2 ฉบับ ได้แก่ 1.สัญญาแปลงสำรวจปิโตรเลียมในอ่าวไทยหมายเลข G1/61 (แหล่งเอราวัณ) กับบริษัท ปตท.สผ.เอนเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) และบริษัท เอ็มพี จี2 (ประเทศไทย) จำกัด ในกลุ่มบริษัท มูบาดาลา ซึ่งถือหุ้นในสัดส่วน 60% และ40%
และ2.สัญญาแปลงสำรวจปิโตรเลียมในอ่าวไทยหมายเลข G2/61 (แหล่งบงกช) กับ บริษัท ปตท.สผ.เอนเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ที่ถือสัดส่วน 100%
นายศิริ กล่าวหลังการลงนามสัญญาว่า การเปิดประมูลปิโตรเลียมแหล่งเอราวัณและบงกช ถือว่าประสบความสำเร็จ โดยภาครัฐสามารถซื้อก๊าซได้ในราคาค่าคงที่ที่ 116 บาท/ล้านบีทียู ทำให้ประหยัดได้ 5.5 แสนล้านบาท ตลอด 10 ปี โดยส่วนลดราคาก๊าซจะส่งต่อไปให้ผู้บริโภคทั้งหมด โดยจะลดค่าไฟฟ้าลง 15-20 สตางค์ต่อหน่วย และทำให้ค่าไฟฟ้าลดลงเหลือ 3.4 บาท/หน่วย จาก 3.6 บาท/หน่วยในปัจจุบัน รวมทั้งลดราคา NGV ได้ 0.50-1.00 บาท/กิโลกรัม
ทั้งนี้ หลังการลงนามสัญญา เอกชนที่ได้สัญญาจะต้องส่งแผนการผลิตปิโตรเลียมในปีแรกให้กระทรวงพลังงานภายใน 45 วัน เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคในช่วงการเปลี่ยนผ่านตามสัญญา โดยจะรักษาการผลิตก๊าซของทั้ง 2 แหล่งให้อยู่ที่ระดับ 1,500 ลูกบาศก์ฟุต/วัน
นายศิริ ยังกล่าวว่า ได้มอบหมายให้กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เร่งรัดเปิดประมูลสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในอ่าวไทยรอบใหม่ภายในเดือนมิ.ย.นี้ โดยจะให้ผู้ประกอบการยื่นข้อเสนอรับสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในอ่าวไทยในรูปแบบสัญญาแบ่งปันผลผลิต (PSC) ทั้งหมด และน่าจะใช้หลักเกณฑ์เดียวกันเหมือนกับการประมูลแหล่งบงกชและเอราวัณในช่วงที่ผ่านมา รวมทั้งจะกำหนดให้ภาครัฐถือหุ้น 25% ในแหล่งปิโตรเลียม
นายศิริ กล่าวถึงประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ว่า วันนี้ (25 ก.พ.) กบง.มีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลามาตรการอุดหนุนน้ำมันดีเซล B20 เพื่อให้มีราคาต่ำกว่าราคาน้ำมันดีเซลทั่วไปในอัตรา 5 บาท/ลิตร จากเดิมที่มาตรการนี้จะสิ้นสุดลงในวันที่ 28 ก.พ.นี้ ออกอีก 3 เดือน หรือตั้งแต่เดือนมี.ค.-พ.ค.2562 เพื่อสนับสนุนการแก้ปัญหาราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำและลดฝุ่นละออกขนาดเล็ก PM2.5
ด้านน.ส.นฤภัทร อมรโฆษิต เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ในฐานะโฆษก คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) กล่าวว่า กกพ.มีมติเห็นชอบให้ออกใบอนุญาตประกอบกิจการพลังงาน ให้แก่ บริษัท มิตรผล ไบโอ-เพาเวอร์ (อำนาจเจริญ) จำกัด เพื่อผลิตไฟฟ้าด้วยเชื้อเพลิงชีวมวล เช่น กากอ้อย ใบอ้อย และชิ้นไม้สับ กำลังผลิตติดตั้ง 26 MW ซึ่งโรงไฟฟ้าชีวมวลดังกล่าวตั้งอยู่ที่ ต. น้ำปลีก อ. เมือง จ. อำนาจเจริญ
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากยังมีประชาชนในพื้นที่มีข้อวิตกกังวลเกี่ยวกับมลพิษที่จะเกิดจากโรงไฟฟ้าแห่งนี้ กกพ.จึงกำหนดมาตรการกำกับดูแลอย่างเคร่งครัด และหากพบว่ามีการปล่อยมลพิษหรือผลกระทบอื่นๆสูงกว่ามาตรฐาน กกพ.จะสั่งให้โรงไฟฟ้าหยุดการเดินเครื่องทันที