สัญญาน้ำมันดิบ WTI บวก 0.8% ปิดที่ 56.66 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หลังตลาดยังคงได้รับแรงหนุนจากการลดกำลังการผลิตของโอเปก-มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐต่ออิหร่านและเวเนซุเอลา นักลงทุนจับตาเศรษฐกิจยุโรปอ่อนแอ
เมื่อคืนวันพฤหัส (7 มี.ค.) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) งวดส่งมอบเดือนเม.ย. ปิดที่ 56.66 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.44 เหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 0.8% และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ งวดส่งมอบเดือนพ.ค. ปิดที่ 66.30 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.31 เหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 0.5%
สัญญาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากตลาดยังคงได้รับแรงหนุนจากการลดกำลังการผลิตน้ำมันอย่างต่อเนื่องของกลุ่มโอเปก ซึ่งเป็นไปตามข้อตกลงของกลุ่มโอเปกและพันธมิตร ในการลดกำลังการผลิต 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน และอุปทานน้ำมันที่หายไปจากการที่มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐต่ออิหร่านและเวเนซุเอลา
ล่าสุดโพลล์สำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ เผยว่า การผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกในเดือนก.พ.ลดลง 60,000 บาร์เรล/วัน จากเดือนก่อน สู่ระดับ 30.80 ล้านบาร์เรล/วัน หรือต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2558 โดยมีสาเหตุจากการลดกำลังผลิตของซาอุดิอาระเบีย และมาตรการคว่ำบาตรเวเนซุเอลา
แตกต่างจากผลสำรวจของรอยเตอร์เมื่อวันจันทร์ (4 มี.ค.) ที่ผ่านมา ที่ระบุว่า การผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกในเดือนก.พ.ลดลง 300,000 บาร์เรล/วัน จากเดือนก่อน มาอยู่ที่ระดับ 30.68 ล้านบาร์เรล/วัน
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบได้รับแรงกดดันจากสต็อกน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคาดที่ 7.1 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 452.93 ล้านบาร์เรล ในรอบสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 1 มี.ค. ในขณะที่การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐอยู่ที่ระดับ 12.1 ล้านบาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้นกว่า 2 ล้านบาร์เรล/วัน เมื่อเทียบกับปีก่อน
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันร่วงลงในช่วงสั้นๆ หลังธนาคารกลางยุโรป (ECB) ปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจในกลุ่มยูโรโซนในปี 2562 เหลือ 1.1% จากคาดการณ์ครั้งก่อนที่คาดว่าจะเติบโต 1.7%
ด้าน บมจ.ไทยออยล์รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมันประจำวันที่ 8 มี.ค. ว่า ราคาน้ำมันดิบเมื่อคืนวันพฤหัสปรับขึ้น โดยได้รับแรงสนับสนุนจากอุปทานที่มีแนวโน้มตึงตัวต่อเนื่อง จากการปรับลดกำลังการผลิตของโอเปก และมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐต่อเวเนซุเอลาและอิหร่าน
อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงมีความกังวลต่อการเติบโตของอุปสงค์น้ำมันโลกที่คาดว่าจะลดความร้อนแรงลง
ทั้งนี้ ผลิตน้ำมันดิบกลุ่มโอเปกและรัสเซีย มีแผนที่จะลดกำลังการผลิตเพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาดน้ำมันดิบอย่างต่อเนื่อง โดยตลาดคาดว่าโอเปกและรัสเซียอาจพิจารณาขยายระยะเวลาลดกำลังการผลิตออกไปจากเดิม 6 เดือน หรือจนถึงสิ้นปี 2562
ขณะที่ PDVSA บริษัทน้ำมันแห่งชาติของเวเนซุเอลา ประกาศภาวะฉุกเฉินหลังเรือขนส่งน้ำมันดิบ จำนวน 10 ลำ ไม่สามารถเข้าเทียบท่าปลายทางได้ เนื่องจากผลของการคว่ำบาตรของสหรัฐ ส่งผลให้ไม่สามารถส่งออกน้ำมันดิบได้และทำให้ PDVSA ต้องหยุดหน่วยการผลิตบางหน่วยลง
อย่างไรก็ตาม ตลาดยังมีความกังวลต่อภาพรวมอุปสงค์ที่ไม่สู้ดี โดยดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับลดลงกว่า 200 จุดวานนี้ (7 มี.ค.) สะท้อนแนวโน้มเศรษฐกิจของยุโรปที่คาดว่าจะยังคงมีทิศทางอ่อนแอ หลังธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB ได้ประกาศเลื่อนการปรับอัตราดอกเบี้ยเป็นปี 2563 เพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจท่ามกลางความไม่แน่นอนจากสงครามการค้าและ BREXIT
บมจ.ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์หน้า โดยคาดว่าราคาน้ำมันดิบ WTI เคลื่อนไหวในกรอบ 54-59 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 63-68 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล