ขนส่งแจ้ง 3 ข้อหาโชเฟอร์แท็กซี่เก็บค่าโดยสาร 1,800 บาท ด้านคนขับยืนยันไม่โกงใคร อ้างผู้โดยสารเต็มใจจ่ายเอง “แพงไม่แพงขึ้นอยู่กับเงินในกระเป๋ามากกว่า”
จากกรณี 2 เด็กหนุ่มเดินทางจากต่างจังหวัด เข้ามากรุงเทพฯ มีเงินติดตัวมาไม่มาก กลับเจอเเท็กซี่สีเขียวเหลือง ทะเบียน มฎ-3630 กรุงเทพฯ โกงเรียกเก็บค่าโดยสารนั่งรถจากหมอชิตไปรังสิต คนละ 900 บาท รวมเป็นเงิน 1,800 บาท จึงได้มีการร้องทุกข์ผ่านโลกออนไลน์
ล่าสุดวันนี้ 8 มี.ค. 2562 นายประจันทร์ สิงห์ขรณ์ เจ้าของรถแท็กซี่ได้พา นายศุภโชค สิงห์ขรณ์ อายุ 36 ปี บุตรชาย เข้าพบพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรปากคลองรังสิต เพื่อสอบถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
โดยนายศุภโชค กล่าวว่า รถแท็กซี่เป็นของพ่อ ซึ่งพ่อเป็นอัมพฤกษ์มีอาการชาซีกซ้ายของร่างกาย ทำให้ขับรถได้ไม่สะดวก ตนจึงนำรถออกมาขับหารายได้ ประมาณ 4-5 ปี แล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นการเข้าใจผิด เนื่องจากวันเกิดเหตุได้รับผู้เสียหายมาจากหมอชิตไปส่งย่านรังสิต โดยก่อนขึ้นรถได้บอกผู้โดยสารแล้วว่า คิดค่าโดยสารแบบเหมาจ่ายในราคา 900 บาท ซึ่งผู้เสียหายก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร แต่เมื่อถึงที่หมายผู้เสียหายกลับให้ค่าโดยสารมา 1,800 บาท เพราะเข้าใจว่าค่าโดยสารคนละ 900 บาท ที่ตนไม่ได้คืนเงินให้ไปเพราะเข้าใจว่าเป็นการยินยอมของทั้งสองฝ่าย ยืนยันไม่มีเจตนาจะโกงใคร เพราะแจ้งราคาก่อนแล้วซึ่งผู้โดยสารก็ยินดีจ่าย
ทั้งนี้หลังเกิดเป็นกระแสในโลกออนไลน์ ครอบครัวได้รับผลกระทบอย่างมาก เนื่องจากมีคนมาต่อว่าโดยเฉพาะพ่อและแม่ที่กำลังป่วย ตอนนี้เครียดกันมากจึงต้องรีบออกมาชี้แจงว่าไม่ได้มีเจตนาจะโกงใคร ส่วนตัวคิดว่าจะแพงไม่แพงขึ้นอยู่กับเงินในกระเป๋ามากกว่า
ต่อมาเมื่อเวลา 11.30 น. ที่กรมการขนส่งทางบก ถนนพหลโยธิน นายศุภโชค ได้เดินทางมาเข้าพบผู้ตรวจการขนส่ง กรมการขนส่งทางบก พร้อมยอมรับสารภาพว่า ได้คิดค่าโดยสารเด็กนักเรียน 2 คน ที่เดินทางจากจังหวัดสงขลามากรุงเทพฯเป็นครั้งแรก โดยรับมาจากสถานีขนส่งหมอชิตไปส่งที่รังสิต คนละ 900 บาท รวมเป็นเงิน 1,800 บาทจริง โดยยืนยันว่าเด็กทั้งสองคนยินดีที่จะจ่าย
ด้านผู้ตรวจการขนส่ง ระบุว่า จากการตรวจสอบพบว่า นายศุภโชคกระทำความผิดเช่นนี้เป็นครั้งแรก ทางกองตรวจการกรมการขนส่งทางบก จึงตั้งข้อหา รวม 3 ข้อหา ได้แก่ ไม่ใช้มาตรมิเตอร์ ปรับสูงสุด 1,000 บาท ใบขับขี่รถยนต์สาธารณะขาดอายุ ปรับสูงสุด 2,000 บาท เจ้าของรถแท็กซี่ ไม่ส่งประวัติผู้ขับรถมายังกรมการขนส่งทางบก มีความผิดปรับสูงสุด 1,000 บาท รวมปรับ 4,000 บาท และบันทึกประวัติ
พร้อมทั้งให้นายศุภโชคอบรมมารยาทในการขับรถ หน้าที่ในการขับรถยนต์สาธารณะจริยธรรม 3 ชั่วโมง หากพบการกระทำผิดซ้ำอีกครั้งที่ 2 พักใช้ใบอนุญาตไม่เกิน 3 เดือน, ครั้งที่ 3 พักใช้ใบอนุญาตไม่เกิน 6 เดือน และหากพบยังกระทำผิดอีกจะเพิกถอนการใช้ใบอนุญาต
ด้านนายประจันทร์ กล่าวว่า ตนมีปัญหาด้านสุขภาพจึงให้ลูกชายนำรถแท็กซี่ไปขับหารายได้แทน และไม่ทราบว่าลูกชายมีพฤติกรรมแบบนี้ จึงได้ว่ากล่าวตักเตือนไปเรียบร้อย และขอโทษสังคมในสิ่งที่เกิดขึ้น