อนาคตใหม่แถลง หนุนพรรคอันดับหนึ่งตั้งรัฐบาล พร้อมเป็นนายกฯ แต่ไม่เสนอชื่อ “ธนาธร” เข้าชิง แบะท่าหนุน “คุณหญิงหน่อย” นั่งเก้าอี้นายกฯ แย้มคุยกันเบื้องต้นแล้ว
วันนี้ (25 มี.ค. 2562) เวลา 16.30 น. พรรคอนาคตใหม่แถลงถึงผลการเลือกตั้ง ส.ส. อย่างไม่เป็นทางการ โดยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า ขอขอบคุณคะแนนเสียง 5.8 ล้านเสียงที่ทุกท่านให้การสนับสนุนพวกเรา ถึงขณะนี้อนาคตใหม่น่าจะได้เสียงเกิน 80 ที่นั่ง โดยพรรคอนาคตใหม่มี ส.ส.อยู่ในทุกภูมิภาคยกเว้นพื้นที่ภาคใต้ อย่างไรก็ตามหลายหลายเขตพื้นที่อนาคตใหม่ก็มีคะแนนเสียงใกล้เคียงและมีลุ้นที่จะได้ ส.ส. ซึ่งครั้งหน้าจะต้องทำงานหนักมากขึ้น เพื่อให้มี ส.ส.ทุกภาคให้ได้ ผลการเลือกตั้งแสดงให้เห็นว่า พรรคอนาคตใหม่เป็นพรรคระดับประเทศก้าวผ่านการเป็นพรรคระดับภูมิภาคไปแล้ว โดยเฉพาะการได้รับคะแนนดิบกว่า 8 แสนคะแนนเสียงและเป็นอันดับหนึ่งในพื้นที่ กทม. การเลือกตั้งที่ผ่านมาเป็นเพียงก้าวแรก หลังจากนี้พรรคอนาคตใหม่จะก้าวขึ้นเป็นพรรคการเมืองที่แข็งแก่รงขึ้น
นายธนาธร กล่าวต่อไปอีกว่า ตนขอแถลงหลักการของพรรคอนาคตใหม่ 4 เรื่อง ดังนี้ 1. หลักการการจัดตั้งรัฐบาล ตนพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี แต่พรรคอนาคตใหม่จะไม่เสนอชื่อธนาธรเป็นนายกฯ เพราะต้องการยืนยันหลักการประชาธิปไตบที่ถูกต้อง สังคมไทยต้องการยึดสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ควรนำประเด็นต่อรองทางการเมืองมาเป็นเงื่อนไขการในการจัดตั้งรับบาลไม่ได้ พรรคที่ได้รับการเลือก ส.ส.เป็นอันดับหนึ่งต้องเป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
นายธนาธร กล่าวอีกว่า หลักการที่ 2.การปิดสวิทต์ ส.ว. 250 เสียง พรรคอนาคตใหม่เห็นว่ามีความเป็นไปได้ เพราะพรคการเมืองที่สนับสนุบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ได้แก่พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาชนปฏิรูป และพรรครวมพลังประชาชาติไทย ซึ่งมี ส.ส.รวมกันไม่เกิน 122 ที่นั่ง เงื่อนไขของการปิดสวิทต์ ส.ว.อยู่ที่พรรคที่ให้การสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ มี ส.ส.ของพรรคน้อยกว่า 124 ที่นั่ง จึงขอเชิญชวนนักการเมืองและพรรคการเมืองที่เชื่อมั่นในหลักการว่า ส.ส.เป็นตัวแทนประชาชนต้องฟังเสียงประชาชน มาร่วมกันรับรองชื่อจากพรรคการเมืองที่รวมเสียงข้างมากได้ และขอวิงวอนภาคประชาสังคมให้การสนับสนุนให้ ส.ส. และพรรคการเมืองทุกพรรค ร่วมกันปิดสวิทต์ ส.ว. อันเป็นวิธีที่สันติที่สุด และการเมืองหลังการเลือกตั้งจะไม่เกิดความวุ่นวาย
นายปิยบุตร กล่าวแถลงต่อว่า หลักการที่ 3. เงื่อนไขการจัดตั้งรัฐบาล พรรคอนาคตใหม่ยืนยันการร่วมรัฐบาลกับพรรคการเมืองที่พร้อมยืนยันในหลักการของพรรคอนึตใหม่ 3 เงื่อนไข เงื่อนไขข้อแรก ได้แก่ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 เพิ่มเติมหมวดใหม่ว่าด้วยการจัดทำรัฐธรรมนูญ เปิดทางให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ก่อนจัดออกเสียงประชามติ 2. ยกเลิกมาตรา 279 ในรัฐธรรมนูญปี 2560 ซึ่งเป็นกฏหมายที่รับรองและความคุ้มกันให้ประกาศ คำสั่งของ คสช.ชอบด้วยกฏหมายตลอดกาล 3. การปฏิรูปกองทัพให้สัมพันธ์กับการปกครองแบบประชาธิปไตยอยู่ภายใต้รัฐบาลพลเรือน
ส่วนหลักการของพรรคข้อ 4. ขอเรียกร้องให้คณะกรรมการการการเลือกตั้งเปิดเผยข้อมูลการนับคะแนนทุกเขตเลือกตั้งอย่างโปร่งใส โดยในวันพรุ่งนี้(26 มี.ค.) พรรคอนาคตใหม่จะเดินทางไป กกต. เพื่อยื่นหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้ ขณะเดียวกันในหลายพื้นที่ที่มีข้อสงสัยและมีผู้สมัครร้องเรียนมาที่มีพรรคอนาคตใหแพ้คะแนนเพียงหลักร้อยหรือหลักพัน จะยื่นขอให้ กกต.พิจารณาว่าควรมีการนับคะแนนใหม่หรือไม่ ซึ่งหาก กกต. ทำงานโปร่งใสก็ไม่จำเป็นต้องกังวลใจใด ๆ ทั้งสิ้น
ต่อข้อถามว่า พรรคอนาคตใหม่ยินดีที่จะสนับสนุน คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้ง และแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย (พท.) เป็นนายกรัฐมนตรี โดยที่คุณหญิงสุดารัตน์ไม่ได้มีชื่อเป็น ส.ส. นายธนาธร กล่าวว่า พรรคอนาคตใหม่ยืนยันในหลักการว่า พรรคการเมืองที่ได้คะแนนอันดับ 1 ต้องเป็นพรรคที่จัดตั้งรัฐบาล พรรคอนาคตใหม่ให้น้ำหนักกับการหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช. และปฏิบัติตามหลักการประชาธิปไตยเป็นเงื่อนไขสำคัญ ซึ่งคุณหญิงสุดารัตน์แสดงตัวชัดเจนในการเข้าสู่บัญชีรายชื่อการเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทย และมีชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยตั้งแต่ต้น เป็นการแสดงความตั้งใจจริงที่จะอยู่ในกติกา
“พรรคอนาคตใหม่ยอมรับหากพรรคเพื่อไทยจะส่งคุณหญิงสุดารัตน์เป็นแคนดิเดตนายกฯ และได้มีการพูดคุยกับพรรคเพื่อไทยคร่าว ๆ แล้ว เพียงแต่ยังไม่มีข้อตกลงในรายละเอียด ซึ่งสิ่งที่เห็นตรงกันคือหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช. ส่วนการเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคภูมิใจไทยนั้น ก็ต้องอยู่ในเงื่อนไขการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคอนาคตใหม่ 3 ข้อตามที่กล่าวไปแล้วข้างต้น” นายธนาธรกล่าว
