“พปชร.” เดือดถูกเรียกฝ่ายเผด็จการ-ชี้คะแนนไม่นิ่ง อ้างเสียงข้างมากตั้ง “รัฐบาล” ไม่ได้

“สนธิรัตน์” เดือดโดนเรียกฝ่าย “เผด็จการ” วอนให้หยุด “อุตตม” ชี้ กกต.ยังไม่ประกาศคะแนนอย่างเป็นทางการ ซีกไหนจะอ้างเสียงจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ พร้อมเดินหน้ารวมเสียงให้มากที่สุด 

เมื่อวันที่ 27 มี.ค.นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แถลงความคืบหน้าจัดตั้งรัฐบาลในส่วนของพปชร. ว่า วันนี้ที่มีการพูดกันถึงการจัดตั้งรัฐบาล ยังไม่รู้ว่ามีเสียงจำนวนเท่าไร เพราะตัวเลขเปลี่ยนทุกวัน และ กกต.ยังไม่ประกาศผลที่ชัดเจน การรวมตัวกันและอ้างว่ารวมเสียงข้างมากได้ เป็นเพียงกลไกทางการเมืองเพื่ออ้างความชอบธรรมให้ตนเอง โดยที่ความชอบธรรมที่แสดงออกมายังไม่มีที่มาของข้อมูลที่ถูกต้อง

“การดำเนินการเช่นนี้เป็นการช่วงชิง พยายามสร้างว่าพรรคหรือกลุ่มของเขารวบรวมเสียงข้างมากได้ ทั้งที่ดูการแถลงแล้วก็ยังไม่รู้ว่ากี่พรรค เป็นการฉกฉวยบนสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่ทำให้รู้สึกว่าตัวเองมีความชอบธรรม โดยที่กระบวนการยังไม่เสร็จสิ้น คะแนนที่แท้จริงและชัดเจนยังไม่ออก อีกทั้งมีระยะเวลาดำเนินการอีกพอควร คะแนนเลือกตั้งครั้งนี้ยังต้องดูคะแนนรวมทั้งประเทศที่จะมีผลถึงปาร์ตี้ลิสต์ซึ่งแตกต่างจากการเลือกตั้งทุกครั้ง ซึ่ง พปชร.ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ จึงดำเนินการการเมืองตามความเหมาะสมและเป็นจริง ยืนยันว่า พปชร. มั่นใจจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เพียงแต่ยังไม่ใช่เวลาที่จะออกมาประกาศชัยชนะวันนี้ ทั้งๆ ที่กระบวนการยังไม่ได้ข้อยุติ” นายสนธิรัตน์กล่าว

สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์

เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวอีกว่า ขอเรียกร้องให้หยุดได้แล้วกับการสร้างฝ่ายประชาธิปไตย และฝ่ายเผด็จการ เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ทุกคนเข้าสู่การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย หากไม่ใช่ประชาธิปไตยก็ไม่ต้องลงแข่งขันด้วย ซึ่งหากอ้างว่าเป็นเผด็จการ พรรคเหล่านั้นก็ไม่ต้องลงเลือกตั้ง แต่เมื่อผลการเลือกตั้งออกมา และระหว่างการรณรงค์เลือกตั้ง ก็ใช้วาทกรรมเรียกตัวเองว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย

“คะแนนเสียงของพี่น้องประชาชนที่เลือก พปชร. 7.9 ล้านเสียง และมีเสียงสนับสนุนจากประชาชนในประเทศมากที่สุด คนเหล่านั้นจะไม่เคารพเสียงประชาชนกลุ่มนี้หรือ จะฟังเฉพาะเสียงที่ตนเองได้ประโยชน์เท่านั้นใช่ไหม แล้วคะแนนเสียงของประชาชน 7.9 ล้านเสียง ไม่ใช่ประชาธิปไตยหรือ เราไม่ต้องฟังเสียงเหล่านั้นหรือ ประชาธิปไตยที่แท้คือการเคารพเสียงทุกคน แม้เสียงเพียงหนึ่งเสียง แล้วใช้สิทธิอะไรมาเรียกตัวเองว่าประชาธิปไตย เรียกฝั่งที่ไม่ลงคะแนนให้ตนเองว่าไม่ใช่ประชาธิปไตย ผมถือว่าเป็นการดูถูกประชาชน

เป็นการอ้างประชาธิปไตยเพื่อสร้างความแตกแยกและเพื่อพวกพ้องเท่านั้น ขอวิงวอนให้หยุด เพราะสิ่งที่ทำไม่ใช่ประชาธิปไตย บรรยากาศประชาธิปไตยกำลังเดินหน้าไปด้วยดี วันนี้ไม่มีฝ่ายประชาธิปไตย และไม่มีฝ่ายเผด็จการ พปชร.ดำเนินการตามครรลองประชาธิปไตย เพียงแต่เห็นว่าบุคคลที่เหมาะสมจะเป็นนายกฯ คือ พล.อ.ประยุทธ์ จึงเชิญมาเป็นแคนดิเดท นายกฯ พปชร. ยืนยันว่าเราเป็นพรรคประชาธิปไตย และเป็นประชาธิปไตยที่คำนึงถึงพี่น้องประชาชน เราพยายามให้ประเทศเดินหน้าไปได้ โดยไม่สร้างวาทกรรมแบ่งแยกคนออกเป็นฝักละฝ่าย”นายสนธิรัตน์กล่าว

เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ย้ำว่า ขอเรียกร้องสื่อมวลชนให้กลับมาฉุกคิด ว่าการระบุว่าฝ่ายใดเป็นประชาธิปไตยและอีกฝ่ายเป็นเผด็จการนั้น มั่นใจหรือว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องตามหลักการของประชาธิปไตย ขอให้หยุดการแบ่งแยกลักษณะนี้

นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)กล่าวว่า พปชร.อยู่ระหว่างการดำเนินการรวมเสียงเพื่อจัดตั้งรัฐบาลโดยขณะนี้อยู่ในช่วงการหารือกับพรรคการเมืองอื่นๆ ที่จะนำไปสู่กระบวนการจัดตั้งรัฐบาล แต่ทั้งนี้ พปชร.ขอรอความชัดเจนของคะแนนเสียงเลือกตั้งจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก่อน และยังมีเวลาในการหารือกับพรรคต่างๆเพื่อให้มีความรัดกุม และเป็นประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน

“พปชร.มีจุดยืนที่ชัดเจนว่า การดำเนินการของเราจะต้องมีความชัดเจนในเรื่องของคะแนนก่อน ซึ่งวันนี้อย่างที่ทราบกันดีว่า เรื่องของคะแนนเสียงนั้น จริงๆแล้วยังไม่เป็นที่ยุติอย่างเป็นทางการ โดยกกต.แถลงแล้วว่า วันนี้ยังไม่ถึงเวลานัด ดังนั้น พปชร.ก็จะหารือไป โดยเราเชื่อว่ายังมีเวลาหารือ เพื่อให้ดำเนินการรัดกุม และเกิดประโยชน์สูงสุดกับพี่น้องประชาชนที่มาลงคะแนนเลือกตั้ง รวมทั้งคาดหวังว่าการจัดตั้งรัฐบาลจะเป็นไปด้วยความราบรื่น”นายอุตตมกล่าว

เมื่อถามว่า พปชร.ได้หารือกับพรรคการเมืองใดบ้าง นายอุตตม กล่าวว่า มีการพูดคุยกับพรรคการเมืองจำนวนหนึ่ง ซึ่งมีขนาดที่แตกต่างกันทั้งพรรคใหญ่ พรรคเล็ก แต่ไม่ขอเปิดเผยว่าเป็นพรรคใดบ้าง ส่วนเสียงส.ส.จะอยู่ที่เท่าใดนั้น ไม่ขอตอบ เพราะยังอยู่ในกระบวนการ และขอย้ำอีกครั้งว่า หากพูดถึงเสียงส.ส.ของแต่ละพรรค ก็พบว่าไม่มีกลุ่มไหน ซีกไหนที่พูดได้จริงจังว่าได้เสียงเท่าไหร่ เพราะกกต.ยังไม่เสร็จสิ้นกระบวนการ

“กกต.ยังไม่เสร็จสิ้นกระบวนการ เพราะฉะนั้นอย่ามาพูดว่า ได้เสียงเท่าไหร่แล้ว อะไรอย่างไร จะพูดก็พูดได้ แต่มันเป็นความเข้าใจของตัวเอง ไม่ใช่อะไรที่เป็นทางการ”นายอุตตมกล่าว

เมื่อถามว่า พปชร.จะสามารถรวบรวมเสียง ส.ส.ได้เกิน 250 เสียงหรือไม่ นายอุตตม กล่าวว่า เราจะทำอย่างต่อเนื่อง และโดยหลักการแล้วเราจะรวบรวมเสียงให้ได้มากที่สุด ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีข้อสรุปใดๆทั้งนั้น แต่เวลายังมีพอสมควร ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนเกินไป เพราะเมื่อเราทำแล้วก็ทำให้ออกมาดีๆ ส่วนที่พรรคการเมืองบางกลุ่มอ้างว่ารวมเสียงได้เกิน 250 เสียง เพื่อจัดตั้งรัฐบาลนั้น ขณะนี้ยังไม่มีใครรวมเสียงได้ เพราะคะแนนอย่างเป็นทางการยังไม่ออกมา

“ที่บอกว่ารวมเสียง (จัดตั้งรัฐบาล) ได้ก่อนนั้น ขณะนี้ยังไม่มีใครที่สามารถรวมเสียงที่เป็นทางการได้ทั้งนั้น เพราะกระบวนการยังไม่เสร็จ แล้วจะพูดไปได้ว่าเสียงเท่าไหร่ได้อย่างไร ส่วนการแสดงเจตจำนง เจตนารมณ์ที่จะร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลเป็นสิ่งที่ทำได้” นายอุตตมกล่าว และว่า “วันนี้ตัวเลขยังไม่นิ่ง ประกาศตั้งขั้ว คะแนนเท่านั้น เท่านี้ แต่เกิดโดนใบแดงขึ้นมา มันเปลี่ยนได้เลย เราจึงไม่ให้ความสำคัญในเรื่องนี้เท่าไหร่ ตัวเลขนิ่งปุ๊บ เดินได้เลย”

เมื่อถามว่า ได้มีการพูดกับพรรคภูมิใจไทยและพรรคเศรษฐกิจใหม่หรือไม่ นายอุตตม ย้ำว่า ได้มีการพูดคุยหลายพรรค แต่ขอยังไม่เปิดเผยชื่อว่ามีพรรคไหนบ้าง แต่มั่นใจว่าพปชร.จะสามารถร่วมกับพรรคที่เห็นตรงกัน และมีอุดมการณ์ร่วมกันในการจัดตั้งรัฐบาลได้ ส่วนเสียงเป็นเท่าไหร่เดี๋ยวรอดู และเราคงไม่ตั้งเป้าว่าจะต้องได้เสียงส.ส.เท่าไหร่ เพราะต้องฟังจากพรรคการเมืองอื่นที่จะมาร่วมหารือกันด้วย ทั้งนี้ พปชร.ยังยืนว่าจะรวมเสียงให้ได้มากที่สุด

อุตตม สาวนายน

“ยังไม่มีอะไรตายตัว เสียงยังไม่ลงตัวเลย จะไปคิดเรื่องตำแหน่ง เก้าอี้ มันคงไม่ได้ ส่วนที่จะไปพูดคุยอะไรกันนั้น ก็อยู่บนพื้นฐานของคะแนนไม่เป็นทางการ แต่คะแนนเมื่อเป็นทางการแล้ว จึงจะไปพูดคุยว่าการมาร่วมงานกัน การจัดตั้งรัฐบาลก็จะมีความชัดเจน วันนี้ยังมีเวลา เราจะไม่เร่งออกมาแถลงสิ่งใด ที่จริงๆแล้วไม่เป็นประโยชน์กับประชาชน เราจะไม่ทำให้เกิดความสับสนยิ่งขึ้น เพราะเราไม่ได้นั่งวาทกรรมตั้งแต่ต้น”นายอุตตมกล่าว

เมื่อถามว่า การที่พรรคการเมืองอ้างคะแนนเสียง 7.9 ล้านเสียงในการจัดตั้งรัฐบาล ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นายอุตตม กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่กำหนดกลไกให้เป็นแบบสัดส่วนผสม ดังนั้น คะแนนนิยมย่อมมีความสำคัญ ไม่ใช่คิดแต่ส.ส.เขต ขณะเดียวกัน คะแนนนิยมยังเป็นสิ่งที่สะท้อนเสียงของประชาชนทุกคนที่มาลงคะแนน ทาง พปชร.จึงยึดมั่นว่าคะแนนตรงนี้มีความสำคัญ แต่หากใครที่รวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลได้ พปชร.ก็ไม่ได้ปิดกั้น

เมื่อถามว่าพรรคการเมืองที่พปชร.จะไปหารือด้วย ต้องสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯเท่านั้น ใช่หรือไม่ นายอุตตม ระบุว่า ตอนนี้อยู่ในกระบวนการ แน่นอนว่าเราต้องคุยกับพรรคที่มีอุดมการณ์แนวทางเดียวกัน ซึ่งในส่วนของพปชร. เราสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ และจุดนี้เราจะใช้เป็นจุดยืนที่ในการหารือกัน โดยตัวเลขไม่ใช่แก่นสารสำคัญตอนนี้ เพราะตัวเลขยังไม่นิ่ง พร้อมทั้งขอย้ำว่า พปชร.เกิดมา 5 เดือนที่แล้ว และเรามีเป้าหมายที่จะพัฒนาเป็นสถาบันการเมือง ดังนั้น สิ่งที่หาเสียงไว้จะต้องดำเนินการ

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า