“อนาคตใหม่” ยันจับมือ 6 พรรค ต้านคสช.สืบทอดอำนาจ สวน “พลังประชารัฐ” คะแนนดิบน้อยกว่า จี้ “กกต.” เร่งเปิดคะแนนรายหน่วยทันที
27 มี.ค.62-ที่พรรคอนาคตใหม่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงการลงนามร่วมสัตยาบันกับพรรคการเมืองทั้ง 6 พรรคเมื่อเช้าที่ผ่านมาว่า เป็นการแสดงจุดยืนที่ให้ไว้กับประชาชน เพื่อหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช.ไม่มีเงื่อนไขการต่อรองตำแหน่งทางการเมือง หรือต่อรองตั้งรัฐบาล และเชื่อมั่นว่าหากพรรคการเมืองสามารถร่วมมือกันแบบนี้ได้ จะสามารถหยุดยั้งอำนาจเผด็จการได้ โดยขอเชิญชวนพรรคการเมืองที่เคยหาเสียงไว้กับประชาชนว่า ไม่เอาการสืบทอดอำนาจ คสช.มาร่วมมือกัน นอกจากนี้ขอตั้งข้อสงสัยไปยัง กกต. ว่าการเลือกตั้งผ่านไป 3 วันแล้ว แต่ทำไมยังไม่สามารถประกาศผลคะแนนได้ ซึ่งการนับคะแนน การประกาศผลคะแนน การตรวจสอบข้อร้องเรียน และการรับรองผลการเลือกตั้งเป็นคนละส่วนกัน แต่ในขณะนี้ กกต.นำกรอบเวลามาเป็นข้ออ้างในการเปิดเผยคะแนน
นายปิยบุตร กล่าวต่อว่า สำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้กกต.ได้ออกระเบียบมาข้อหนึ่งให้แสดงผลอย่างไม่เป็นทางการร้อยละ 95 ซึ่งในกฎหมายเลือกตั้งระบุเพียงแค่เรื่องการประกาศผลการเลือกตั้ง ส.ส.ร้อยละ 95 เพื่อให้เปิดประชุมสภาได้เท่านั้น จึงเรียกร้องให้ กกต.เปิดเผยคะแนนดิบทั้งหมดทันที ประชาชนกำลังจับตามองการทำงานของ กกต. ดังนั้นควรพิสูจน์ตัวเองต่อสาธารณะชนทันทีว่าเป็นองค์กรอิสระอย่างแท้จริงหรือไม่ และขอให้สื่อมวลชนตั้งข้อสงสัยนี้ นำไปถามกับ กกต.ว่า เหตุใดจึงไม่สามารถประกาศผลคะแนนได้ เหมือนการเลือกตั้งที่ผ่านๆ มา ซึ่งไม่เกิน 7 ชั่วโมงก็รู้ผลคะแนนทั้งประเทศ
ด้าน น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า กรณีที่พรรคพลังประชารัฐตั้งข้อสงสัยว่าทำไมพรรคฝั่งประชาธิปไตย รีบร้อนรวบรวมเสียงข้างมากทั้งทีคะแนนยังไม่นิ่ง จึงขอถามกลับไปยังพรรคพลังประชารัฐว่า ทำไมถึงพูดว่าคะแนนยังไม่นิ่ง คำถามนี้มีนัยยะสำคัญอย่างไรหรือไม่ ส่วนกรณีที่กล่าวหาว่าการรวมตัวของทั้ง 6 พรรคไม่ชอบธรรม ทั้งที่พรรคพลังประชารัฐมีคะแนนดิบมากที่สุดนั้นไม่เป็นความจริง เพราะถ้าจะดูคะแนนดิบ แค่ของพรรคเพื่อไทยและพรรคอนาคตใหม่ก็มากกว่าคะแนนของพลังประชารัฐแล้ว แต่ที่สำคัญการเลือกนายกรัฐมนตรีในประเทศไทยใช้การเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎรที่ได้เสียงอันดับหนึ่งมีความชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาล และแน่นอนว่า 6 พรรคคือพรรคการเมืองที่มีความชอบธรรมและต้องดำเนินการให้เกิดขึ้น เพื่อยับยั้ง ส.ว. 250 คน ไม่ให้มีอำนาจเหนือคะแนนเสียงที่ประชาชนเลือก ส.ส.เข้ามา