“กกต.” แจงจำนวนผู้มาใช้สิทธิ “ไม่ตรง” จำนวนบัตรที่ลงคะแนนเสียง ทำให้เกิด “บัตรเขย่ง” เหตุผู้มีสิทธิมาแสดงตน แต่ไม่ลงคะแนน เพราะอาจรอคิวไม่ไหว
เมื่อวันที่ 28 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แถลงผลการนับคะแนนเลือกตั้ง ส.ส. และคะแนนรวมของพรรคการเมือง ซึ่งนับคะแนนครบ 100% แล้ว แต่ปรากฏว่ามีข้อมูลที่แตกต่างกัน คือ จำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งอยู่ที่ 38,268,375 คน แต่บัตรเลือกตั้งที่ใช้ลงคะแนนเสียงกลับมีเพียง 38,268,366 ใบ หรือต่างกัน 9 ใบ ทำให้มีการคำถามว่า เหตุใดจำนวนผู้มาใช้สิทธิและจำนวนบัตรที่ลงคะแนนเสียงไม่ตรงกัน
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. ชี้แจงกับทาง “พีพีทีวี” ว่า กรณีดังกล่าวเรียกว่า “บัตรเขย่ง” หรือหมายความว่า มีผู้มีสิทธิเลือกตั้งไปรายงานตัวที่หน่วยเลือกตั้งเพื่อใช้สิทธิ แต่อาจต้องรอคิวนาน หรือเกิดเหตุอื่นใดกระทันหัน ทำให้ต้องออกจากแถวที่ต่อคิวลงคะแนน หรือเรียกง่ายๆว่าไปรายงานตัวใช้สิทธิ แต่อาจรอคิวนานเกินไป จึงขอ “สละสิทธิ” และเป็นที่มา ทำให้จำนวนผู้มาใช้สิทธิและจำนวนบัตรลงคะแนนไม่ตรงกัน
นายกฤช เอื้อวงศ์ รองเลขาธิการกกต. กล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้จำนวนผู้มาใช้สิทธิแตกต่างกับจำนวนบัตรเลือกตั้งที่ลงคะแนนจำนวน 9 ใบ หรือเรียกว่าการเขย่งของบัตรนั้น มีสาเหตุจากการที่ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งไปแสดงตนเพื่อขอใช้สิทธิ แต่ไม่รับบัตร และออกจากหน่วยเลือกตั้งไปก่อนที่จะลงคะแนน ซึ่งตรงนี้สามารถสอบทานได้ว่าเกิดขึ้นที่หน่วยเลือกตั้งใด ทั้งนี้ ความผิดพลาดกรณีบัตรเขย่งไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก เพราะที่ผ่านมาก็พบเหตุการณ์อย่างนี้เหมือนกัน
ส่วนกรณีที่จำนวนบัตรดีที่มี 35,532,645 ใบ น้อยกว่าคะแนนที่พรรคการเมืองทุกพรรคได้รวมกันที่ 35,532,647 คะแนน หรือแตกต่างกัน 2 คะแนนนั้น นายกฤช กล่าวว่า อาจเกิดจากข้อผิดพลาดในการนับบัตรที่หน่วยเลือกตั้ง แต่จะไม่ส่งผลกระทบต่อผลคะแนนรวม เนื่องจากการนับคะแนนเลือกตั้งที่หน่วยเลือกตั้ง มีการเขียนคะแนนไว้อย่างชัดเจนบนกระดานที่หน่วยเลือกตั้งแต่ละหน่วย