“เรืองไกร” มาตามนัด ! บุกผู้ตรวจการแผ่นดิน ยื่นร้องเลือกตั้ง 24 มี.ค. ส่งศาลรธน.พิจารณาเป็นโมฆะหรือไม่ ชี้ยอดนับคะแนนไม่ตรง–เมินนับคะแนนนิวซีแลนด์
9 เม.ย.62-นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตผู้สมัครส.ส.พรรคไทยรักษาชาติ เดินทางมายื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ผ่านนายวทัญญู ทิพยมณฑา รองเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อขอให้พิจารณาและเสนอความเห็นไปยังศาลปกครอง หรือศาลรัฐธรรมนูญว่า การเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 24 มี.ค.2562 เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมหรือไม่ รวมถึงการกระทำของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต. ) ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือไม่ และจะทำให้ผลการเลือกตั้งทั่วไปเป็นโมฆะหรือไม่
นายเรืองไกร กล่าวว่า เนื่องจากมีหลายประเด็นที่ยังสับสนหาข้อยุติไม่ได้ทั้งเรื่องการนับคะแนน 100% ที่ กกต.?ประกาศในแต่ละครั้งไม่ตรงกัน?เมื่อยอดรวมไม่ตรงกันทำให้ควรสงสัยว่า ยอดของแต่ละหน่วยเลือกตั้งทั้ง92,320 หน่วยเลือกตั้งจะตรงกันหรือไม่ ซึ่งการแถลงเกี่ยวกับการนับคะแนนร้อยละ90 โดยยังไม่นำคะแนนล่วงหน้ามานับรวมหรือการไม่นำบัตรเลือกตั้งจากประเทศนิวซีแลนด์มานับรวม อาจไม่เป็นไปตามระเบียบที่เกี่ยวข้องทำให้เกิดข้อสงสัยทั้งเรื่องที่กกต.อาจปฏิบัติไม่เป็นไปตามกฎหมาย หรือระเบียบที่เกี่ยวข้อง และการกระทำของกกต.ที่อาจขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญโดย ส่งผลให้การเลือกตั้งไม่สุจริตเที่ยงธรรมตามมาได้
“จึงขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณา และใช้อำนาจตามกฎหมายส่งศาลปกครอง หรือศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการเลือกตั้งเป็นโมฆะหรือไม่“นายเรืองไกรกล่าว
นายเรืองไกร กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ การเลือกตั้งโมฆะ 2 ครั้งที่ผ่านมาเกิดจากผู้ตรวจการแผ่นดินยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ซึ่งครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องหันคูหาหรือการเลือกตั้งไม่เป็นวันเดียวกันทั่วประเทศ แต่เป็นการประกาศคะแนนของประธานกกต.ที่ไม่นับจนครบ100 % รวมถึงประกาศโดยไม่นำคะแนนนอกราชอาณาจักรมานับรวม จึงถือว่ากกต.ปฏิบัติขัดกฎหมายเลือกตั้งส.ส.มาตรา117 ที่บัญญัติว่าการนับคะแนนให้กระทำ ณ ที่เลือกตั้งโดยเปิดเผยติดต่อกันจนเสร็จสิ้น และห้ามมิให้เลื่อนหรือประวิงการนับคะแนนมาตรา120 โดยเมื่อการนับคะแนนณที่เลือกตั้งเสร็จสิ้นแล้ว ให้กรรมการประจำหน่วยประกาศผลการนับคะแนนของหน่วยเลือกตั้งนั้น จำนวนบัตรเลือกตั้งที่ใช้ และจำนวนบัตรเลือกตั้งที่เหลือจากการออกเสียง
ขณะที่นายวทัญญู กล่าวว่า เมื่อรับคำร้องแล้วจากนี้จะนำเสนอต่อผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาโดยเร็ว เพราะถือว่าเป็นเรื่องเร่งด่วน ส่วนจะมีดุลพินิจอย่างไรเป็นอำนาจของผู้ตรวจการแผ่นดินในการพิจารณา