5 พฤติกรรมสุดยี้ช่วงสงกรานต์ เมา ลวนลาม คุกคามทางเพศ ตำรวจเตือน! มือไว อนาจาร ดื่มเหล้าในรถขณะอยู่บนถนน ผิดกฏหมาย มีโทษจำ-ปรับ
วันนี้ (9 เมษายน) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) ร่วมกับ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) และเครือข่ายองค์กรงดเหล้า แถลงข่าวรณรงค์รับมือสงกรานต์ ภายใต้แนวคิด “สงกรานต์ปลอดภัย ปลอดเหล้า เคารพสิทธิ” ภายในงานร่วมกันปล่อยขบวนสามล้อประชาสัมพันธ์ “สงกรานต์ปลอดภัย ปลอดเหล้า เคารพสิทธิ”
นายเลิศปัญญา บูรณบัณฑิต อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กล่าวว่ากิจกรรมรณรงค์ครั้งนี้ เพื่อสร้างความตระหนักถึงปัญหาการคุกคามทางเพศที่เกิดขึ้นช่วงสงกรานต์ ว่าเป็นเรื่องผิดกฎหมาย อีกทั้งยังต้องการสื่อสารสร้างความเข้าใจเคารพให้เกียรติ ในสิทธิเนื้อตัวร่างกายผู้อื่น ไม่ใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ เพื่อให้ประชาชนได้รับการคุ้มครอง จากการคุกคามทางเพศ ที่สำคัญเพื่อสร้างกระแสให้สังคมร่วมกันผลักดัน เกิดเครือข่ายเฝ้าระวังให้ความช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาถูกคุกคามทางเพศ และกระตุ้นผู้ประกอบการภาคเอกชนได้ตระหนักถึงผลกระทบการจัดงานที่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
นางสาวรุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสังคม สสส. กล่าวว่า สสส.รณรงค์เพื่อให้คนไทยลดการบริโภคสุราเพื่อลดต้นเหตุของปัญหาต่างๆ อยากเชิญชวนให้ประชาชนเล่นสงกรานต์ในพื้นที่ปลอดภัยปลอดเหล้า และเคารพสิทธิ เล่นน้ำแบบวิถีไทย ร่วมกันเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อความสุข ความปลอดภัยช่วงสงกรานต์นี้ด้วยกัน
ด้าน นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวว่า มูลนิธิได้ลงพื้นที่ สำรวจความคิดเห็นประชาชนต่อเทศกาลสงกรานต์ ในกลุ่มอายุตั้งแต่ 12 ปี – 25 ปี จำนวน 2,400 ตัวอย่าง
ในพื้นที่ กรุงเทพฯ และปริมณฑล และในต่างจังหวัดทั้ง 4 ภาค โดยเก็บข้อมูลตั้งแต่วันที่13-27 มีนาคม 2562 พบว่า ร้อยละ 48.7 เคยถูกลวนลามคุกคามทางเพศในช่วงสงกรานต์ สำหรับพฤติกรรมเสี่ยงและน่าเบื่อหน่าย สร้างปัญหามากในช่วงสงกรานต์ 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.เมาขาดสติ 2.ฉวยโอกาสลวนลามคุกคามทางเพศ 3.ทะเลาะวิวาท 4.อนาจารโป๊เปลือย 5.แว๊นซิ่ง ส่วนปัญหาอื่นในลำดับถัดมาคือ เสียงดังอึกทึก โดนแซวพูดจาไม่ดี ใช้อุปกรณ์อันตราย เช่น แมงลัก น้ำแข็ง ปืนแรงดันสูง บังคับให้ดื่มแอลกอฮอล์ และดักรถเพื่อรีดไถเงินข่มขู่
ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดพฤติกรรมเหล่านี้ คือ ร้อยละ 32.9 มาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ร้อยละ20.4 การการบังคับใช้กฎหมาย ร้อยละ 19 คึกคะนอง ร้อยละ15.3 ค่านิยมผิด ๆ และ 12.4 ไม่รู้จักเคารพให้เกียรติผู้อื่น เมื่อถามว่า สงกรานต์ปีนี้จะดื่มเหล้าหรือไม่ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เกินครึ่ง ร้อยละ 59.1 ระบุว่า ไม่ดื่ม อีกทั้งร้อยละ 89.6 เห็นด้วยว่าควรจัดพื้นที่โซนนิ่งเล่นน้ำปลอดเหล้า และร้อยละ 73.5 เห็นด้วยว่าควรงดจำหน่ายสุราในวันที่ 13 เมษายน
“นอกจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยร่วมที่สำคัญแล้ว ความเชื่อที่ผิด ๆ ว่าสงกรานต์คือช่วงเวลาทองของการฉวยโอกาสจึงเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ไม่ว่าเทศกาลใดหรือผู้เสียหายจะแต่งตัวแบบไหน เราก็ไม่มีสิทธิไปละเมิดเขา การกล่าวโทษเรื่องการแต่งตัว เป็นการโยนปัญหาทั้งหมดให้ผู้หญิง แล้วละเลยผู้ก่อเหตุ คนทำความผิดที่ยังคงลอยนวล จึงเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง” นายจะเด็จ กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.เผด็จ ภู่บุบผากาญจน ผู้กำกับการฝ่ายอำนวยการ สำนักงานกฎหมายและคดี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กล่าวว่าปัญหาการคุกคามทางเพศ การลวนลาม ละเมิดสิทธิในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา อาทิ การคุกคามทางเพศ จับก้น จับหน้าอก อวัยวะเพศ กระทำอนาจารผู้อื่น โทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ การอนาจารซึ่งหมายถึงกระทำการอันควรขายหน้าต่อหน้าธารกำนัล เปลือย เปิดเผยร่างกาย หรือลามก โทษปรับไม่เกิน 500 บาท การเมาประพฤติตนวุ่นวายในที่สาธารณะ โทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท
ส่วนความผิดเกี่ยวตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ก็มีอยู่หลายมาตราเช่น ห้ามขายให้ผู้ที่อายุต่ำกว่า 20 ปี หรือข่ายให้คนเมาครองสติไม่ได้ โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปีปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ห้ามดื่มบนรถขณะรถอยู่บนทาง วิ่งหรือจอดบนถนน โทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ การห้ามขายบนทาง ถนน ไหล่ทาง, ห้ามจัดส่งเสริมการขายลด แลก แจกแถม ก็มีโทษเท่ากัน ส่วนพระราชบัญญัติจราจร พ.ศ. 2522 กรณีเมาแล้วขับ โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับ 5,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังมีกฎหมายอีกหลายฉบับที่ต้องนำมาบังคับใช้อย่างจริงจัง เพื่อความปลอดภัยและลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้น