นายกฯขอรอคำพิพากษา ก่อนหาทางออก“ค่าโง่โฮปเวลล์” โยนคำถาม “โครงการนี้ใครทำ” แต่รัฐบาลนี้ต้องมาแก้ ขณะที่ “วิษณุ” ยันไม่มีเหตุใช้ “ม.44” เพื่อไม่ต้องจ่ายค่าโง่ ส่วนจะจ่ายเท่าไหร่อยู่ที่เจรจา
เมื่อวันที่ 22 เม.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีศาลปกครองสูงสุดพิพากษากลับคำพิพากษาศาลปกครองขั้นต้น และให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จ่ายเงินชดเชยให้กับบริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด จากการบอกเลิกสัญญา รวมเป็นเงิน 11,888 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี โดยให้จ่ายภายใน 180 วันนับตั้งแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา ว่า “เดี๋ยวรอฟังคำพิพากษาก่อน ผมไม่ได้เกี่ยวข้อง เขายังเจรจากันอยู่”
“โครงการนี้ใครทำ และรัฐบาลไหนแก้ รัฐบาลนี้ต้องมาแก้ไง หลายเรื่องแล้วที่รัฐบาลแก้ไป ทั้งใช้มาตรา 44 เป็นการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นมาแล้ว และแก้ไม่ได้เข้าใจหรือยัง ถ้าบอกว่าไม่ต้องแก้ ให้ปล่อยอย่างนี้ ก็จะโดนเขาฟ้องมากขึ้นไปเรื่อยๆเอาหรือไม่ รัฐบาลนี้แก้ ยังโดนด่าเลย ไม่ใช่รัฐบาลนี้ไม่แก้ ต้องไปด่าคนไม่แก้สิ”พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย กล่าวว่า ยังไม่ทราบละเอียดเรื่องนี้ จึงยังตอบไม่ถูกว่ารัฐต้องชดใช้ค่าเสียหายเลยหรือไม่ แต่คำสั่งศาลปกครองถือว่าสิ้นสุดแล้ว ส่วนรายละเอียดคำพิพากษาว่าอย่างไรนั้น ตนยังไม่ได้ดู โดยเรื่องนี้กระทรวงคมนาคมเป็นเจ้าของเรื่อง จะต้องไปทำการบ้านแล้วรายงานคณะรัฐมนตรี (ครม.)
“หากคำพิพากษาฉบับเต็มออกมาแล้ว ก็จะศึกษาว่าควรจะมีแนวทางอย่างไรต่อไป ซึ่งก็เป็นไปได้ที่กระทรวงคมนาคมจะตั้งคณะทำงานขึ้นมาศึกษา”นายวิษณุกล่าว
เมื่อถามว่ากรณีดังกล่าวจะสามารถใช้มาตรา 44 ช่วยให้รัฐไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ถือว่าเป็นทางเลือกของรัฐ และรัฐจะไม่ใช้มาตรา 44 ในกรณีดังกล่าว ส่วนจะทำได้หรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ เนื่องจากไปลบล้างคำพิพากษาศาล แต่อาจใช้ทำอย่างอื่น เช่น การเจรจาต่อรองกัน ซึ่งอาจไม่ถึงขั้นต้องใช้มาตรา 44 ก็ได้ เพราะตนยังไม่เห็นคำพิพากษา จะถึงขั้นต้องจ่ายเงินกันหรือไม่ ต้องไปถามทางโฮปเวลล์ก่อนว่าต้องการอะไร
“ไม่อยากพูดว่ามีวิธีการใด เพราะจะเสียรูปคดี แต่กรณีนี้ต้องใช้เวลาอีกยาวนาน จึงจะทราบว่ารัฐจะต้องชดใช้เงินจำนวนเท่าใด หรือมีทางออกอย่างไร เพราะกว่าจะมีคำพิพากษาฉบับเต็มออกมาก็ใช้เวลาเป็นเดือน หลังจากนั้นก็ต้องใช้เวลาพูดคุยหารือ รวมถึงการปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดนั้น มีระยะเวลากำหนดไว้อยู่ เว้นแต่มีการเจรจาเกิดขึ้น เหมือนอย่างหลายคดีที่มีการเจรจากันอยู่ จึงยังตอบไม่ได้ว่าต้องใช้เวลานานเท่าใด”นายวิษณุ กล่าว
ส่วนการชดใช้อาจน้อยกว่าที่ศาลได้พิพากษาหรือไม่นั้น นายวิษณุ กล่าวว่า ต้องขึ้นอยู่กับการเจรจา แต่หากคู่กรณีไม่เจรจาเลย คงไม่สามารถไปบังคับคู่กรณีได้