สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่ม 0.5% ปิดที่ 62.25 เหรียญ หลังสหรัฐส่งเรือบรรทุกเครื่องบินไปตะวันออกกลาง หวังเตือนอิหร่านไม่ให้คิดโจมตีผลประโยชนสหรัฐ-พันธมิตร
เมื่อคืนวันจันทร์ (6 พ.ค.) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) งวดส่งมอบเดือนมิ.ย. ปิดที่ 62.25 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.31 เหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 0.5% ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ งวดส่งมอบเดือนก.ค. ปิดที่ 71.24 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.39 เหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 0.6%
สัญญาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังสหรัฐประกาศส่งกองกำลังทหารและหน่วยปฏิบัติการทิ้งระเบิดเข้าไปยังตะวันออกกลาง เพื่อเป็นการส่งสัญญาณไปยังอิหร่านว่า หากอิหร่านโจมตีผลประโยชน์ใดๆของสหรัฐหรือประเทศพันธมิตรของสหรัฐ จะต้องพบกับการตอบโต้ด้วยกำลังอย่างไม่ลดละ
ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังคณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพิ่มความเข้มข้นในการคว่ำบาตรอุตสาหกรรมน้ำมันของอิหร่าน โดยมีเป้าหมายที่จะทำให้การส่งออกน้ำมันของอิหร่านเป็นศูนย์ ในขณะที่อิหร่านประกาศว่า จะตอบโต้สหรัฐด้วยการปิดช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งน้ำมันที่สำคัญของโลก
อย่างไรก็ตาม ซาอุดิอาระเบียได้ปรับขึ้นราคาน้ำมันดิบสำหรับลูกค้าในเอเชียและยุโรปในเดือนมิ.ย. และลดราคาน้ำมันดิบที่ส่งไปสหรัฐ ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่า ซาอุดิอาระเบียจะไม่รีบเร่งปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบ ก่อนการประชุมกลุ่มโอเปกที่จะมีขึ้นในเดือนมิ.ย.นี้
นอกจากนี้ การที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ทวีตข้อความว่า สหรัฐเตรียมจะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐเป็นอัตรา 25% จากเดิม 10% ในวันศุกร์นี้ (10 พ.ค.) ได้สร้างความวิตกกังวลให้กับนักลงทุนว่าความตึงเครียดครั้งใหม่ อาจส่งผลกระทบต่ออุปสงค์น้ำมันในตลาดโลก
ด้านบมจ.ไทยออยล์รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมันประจำวันที่ 7 พ.ค. ว่า เมื่อวานนี้ (6 พ.ค.) ราคาน้ำมันดิบ WTI และเบรนท์ปรับเพิ่ม หลังสหรัฐได้ส่งเรือบรรทุกเครื่องบินพร้อมฝูงบินทิ้งระเบิดไปยังศูนย์บัญชากลางในตะวันออกกลาง เพื่อส่งสัญญาณเตือนอิหร่านว่า หากคิดโจมตีแหล่งผลประโยชน์ของสหรัฐและพันธมิตร จะมีการตอบโต้ทันควัน
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเปิดตลาดซื้อ-ขาย ราคาน้ำมันดิบถูกกดดันจากการประกาศขึ้นภาษีนำเข้าจากประเทศจีนของสหรัฐฯ โดยเดิมจะคงไว้ในระดับร้อยละ 10 จนกว่าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ และจีนจะลุล่วง ทั้งนี้ สินค้านำเข้ากลุ่มดังกล่าวคิดเป็นมูลค่าสองแสนล้านเหรียญสหรัฐ โดยจะมีผลในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนยังคงยืนยันว่าการเจรจาการค้ากับสหรัฐ จะยังดำเนินต่อไป
ทั้งนี้ ตลาดยังเผชิญกับระดับการผลิตน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากสหรัฐหลังปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 2 ล้านบาร์เรล/วันจากช่วงต้นปี 2561 ขึ้นมาแตะระดับ 12.3 ล้านบาร์เรลต่อวันในขณะนี้