น้ำมันดิบ WTI ดิ่งหนัก 5.7% ปิดต่ำกว่า 58 เหรียญสหรัฐ วิตกสงครามการค้ายืดเยื้อกระทบการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ขณะที่ล่าสุดเศรษฐกิจ “สหรัฐ-ยุโรป-ญี่ปุ่น” ส่งสัญญาณชะลอตัว
เมื่อคืนวันพฤหัส (23 พ.ค.) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) งวดส่งมอบเดือนก.ค. ปิดที่ 57.91 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลง 3.51 เหรียญสหรัฐ หรือลดลง 5.7% ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ งวดส่งมอบเดือนก.ค. ปิดที่ 67.76 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลง 3.23 เหรียญสหรัฐ หรือลดลง 4.6%
สัญญาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ลดลงเกือบ 6% แตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 เดือน เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่มีแนวโน้มยืดเยื้อ เพราะการที่สหรัฐและจีนขึ้นภาษีสินค้าระหว่างกันคิดเป็นมูลค่าหลายแสนล้านเหรียญสหรัฐ อาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก และความต้องการใช้น้ำมัน
โดยล่าสุดดัชนี PMI ภาคการผลิตของสหรัฐเดือนพ.ค.ขยายตัวช้าที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2552 ขณะที่กิจกรรมการผลิตของญี่ปุ่นในเดือนพ.ค.หดตัวลง และกิจกรรมการผลิตของสหภาพยุโรปและเยอรมนีต่ำกว่าที่คาดการณ์
ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ในเดือนเม.ย.ลดลง 6.9% เมื่อเทียบกันเดือนต่อเดือน สู่ระดับ 673,000 ยูนิต หลังจากเพิ่มขึ้นแตะระดับ 723,000 ยูนิตในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2550 โดยยอดขายบ้านลดลงในทุกภูมิภาค ยกเว้นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
นอกจากนี้ การที่นักลงทุนคาดการณ์ว่า สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและอิหร่านในภูมิภาคตะวันออกกลางมีแนวโน้มคลี่คลายลง ทำให้ความกังวลเกี่ยวกับอุปทานน้ำมันตึงตัวลดลง
หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้วประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ได้พบปะกับประธานาธิบดีสวิตเซอร์แลนด์ในขณะที่นายไมค์ ปอมเปโอ รมว.ต่างประเทศสหรัฐ ได้โทรศัพท์หารือกับรมว.ต่างประเทศโอมาน โดยทั้งสวิตเซอร์แลนด์ และโอมานจะทำหน้าที่เป็นคนกลางในการเจรจาระหว่างสหรัฐและอิหร่าน
ด้านบมจ.ไทยออยล์รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมันประจำวันที่ 24 พ.ค. ว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์และ WTIปรับลดระหว่างสัปดาห์มากสุดในปี 2562 หลังนักลงทุนเพิ่มความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์สงครามการค้าสหรัฐและจีน โดยความเข้มขันเพิ่มระดับจากการเพิ่มกำแพงภาษีนำเข้าไปเป็นสงครามเย็นด้านเทคโนโลยีระหว่างสองประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก
ขณะที่ดัชนี PMI ภาคการผลิตของสหรัฐในเดือนพ.ค.62 ปรับตัวลดลงจากระดับ 52.6 จุดในเดือนก่อนหน้า มาแตะระดับ 50.6 จุดซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือนก.ย.2551 โดยเป็นผลมาจากจำนวนคำสั่งซื้อที่สินค้าลดลงไปแตะระดับต่ำสุดตั้งแต่ ส.ค. 51 ในขณะที่ผลการสำรวจการเติบโตของธุรกิจในสหภาพยุโรปออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ก่อนหน้านี
อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแลงหนุนจากแนวโน้มที่ผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกจะยืดระยะข้อตกลงการลดปริมาณการผลิตน้ำมันดิบออกไป ซึ่งเดิมจะสิ้นสุดในมิ.ย.2562 ประกอบกับความตึงเครียดในภูมิภาคตะวันออกกลางซึ่งเป็นแหล่งผลิตน้ำมันดิบสำคัญ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ยังจะประคองราคาน้ำมันดิบในขณะนี้