ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศกระทรวงการคลัง “ยกเว้น-ลดภาษี” นำเข้าสินค้ากว่า 7,000 รายการ ภายใต้ข้อตกลง FTA “อาเซียน-ฮ่องกง” มีผลบังคับใช้ 11 มิ.ย.นี้ คาดเพิ่มมูลค่าการค้าไทย-ฮ่องกงอีก 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2563
เมื่อวันที่ 24 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ (23 พ.ค.) เว็บไซด์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การยกเว้นอากรและลดอัตราอากรศุลกากรสำหรับเขตการค้าเสรีอาเซียน – ฮ่องกง เพื่อปฏิบัติตามข้อผูกพันตามความตกลงการค้าเสรีอาเซียน – ฮ่องกง (ASEAN – Hong Kong, China Free Trade Agreement) และข้อผูกพันตามพิธีสารว่าด้วยการนำพิกัดศุลกากรฮาร์โมไนซ์อาเซียนมาใช้
ทั้งนี้ การยกเว้นอากรและลดอัตราอากรภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน-ฮ่องกง จะครอบคลุมสินค้าตามบัญชีแนบท้ายแห่งประกาศฉบับนี้กว่า 7,000 รายการ โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 11 มิ.ย.2562 เป็นต้นไป
อย่างไรก็ตาม ให้ผู้นำของเข้าแสดงหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (Form AHK) ที่ออกตามความตกลง การค้าเสรีอาเซียน – ฮ่องกง ยกเว้นการนำของเข้าที่มีราคาเอฟ โอ บี ไม่เกิน 200 ดอลลาร์สหรัฐ ให้ผู้นำของเข้าแสดงเอกสารรับรองจากผู้ส่งของออกว่าของดังกล่าวมีถิ่นกำเนิดจากประเทศสมาชิก สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือฮ่องกง
ส่วนกรณีที่ผู้นำของเข้าไม่สามารถแสดงหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (Form AHK) ก่อนนำของออกจากอารักขาของศุลกากร แต่ประสงค์จะใช้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรในการขอยกเว้นอากร หรือลดอัตราอากรศุลกากร ให้แจ้งความประสงค์ และชำระค่าอากรในอัตราปกติไปก่อน
และหากผู้นำของเข้าจากประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือ เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน จะได้รับสิทธิยกเว้นอากรและลดอัตราอากร เมื่อประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือเขตบริหารพิเศษฮ่องกง แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขการมีผลใช้บังคับตามข้อบทของความตกลงแล้ว โดยให้กรมศุลกากรประกาศรายชื่อประเทศที่ได้ดำเนินการดังกล่าวเสร็จแล้ว
รายงานข่าวระบุว่า ก่อนหน้านี้กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ว่าการลดภาษีภายใต้ข้อตกลง FTA อาเซียน-ฮ่องกง จะทำให้มูลค่าการค้าระหว่างไทยและฮ่องกงเพิ่มขึ้นอีก 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในปี 2563 จากปี 2561 ที่มูลค่าการค้าระหว่างไทยและฮ่องกงอยู่ที่ 1.54 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
อ่านเพิ่มเติม : http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2562/E/131/T_0008.PDF