ครม.มีมติเห็นชอบให้ “รฟท.” ลงนามสัญญาร่วมทุนกับ “กลุ่มซีพี” สร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน 2.24 แสนล้านบาท พร้อมอนุมัติก่อสร้างรถไฟทางคู่สายใหม่ “บ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม” 6.6 หมื่นล้านบาท
เมื่อวันที่ 28 พ.ค. นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ลงนามสัญญาร่วมทุนโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน กับกลุ่มกิจการร่วมค้าบริษัทเจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด (กลุ่ม CPH) ซึ่งโครงการดังกล่าวภาครัฐจะร่วมลงทุนกับเอกชนในวงเงิน 1.49 แสนล้านบาท โดยแบ่งจ่ายเป็นรายปีๆละไม่เกิน 1.49 หมื่นล้านบาท เป็นเวลา 10 ปี
ทั้งนี้ กลุ่ม CPH จะเป็นผู้รับความเสี่ยงในการก่อสร้างและความเสี่ยงในเรื่องค่าโดยสารทั้งหมด ในขณะที่โครงการนี้จะมีมูลค่าการลงทุน 2.24 แสนล้านบาท และเมื่อครบอายุสัญญาสัมปทาน 50 ปี ทรัพย์สินทั้งหมดจะตกเป็นของรัฐ ซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่าอยู่ที่ 3 แสนล้านบาท
“มีการรายงานในที่ประชุมครม.ว่า รฟท.จะลงนามสัญญาร่วมทุนกับกลุ่ม CPH ในเดือนมิ.ย. และโครงการนี้จะเปิดให้บริการในช่วงต้นปี 2567 อย่างไรก็ดี ในการประชุมครม.วันนี้ ยังไม่ได้มีการรายงานเรื่องค่าโดยสารแต่อย่างใด”นายณัฐพรกล่าว
นายณัฐพร ยังกล่าวว่า ครม.ยังมีมติอนุมัติให้ร.ฟ.ท.ดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายใหม่ ช่วงบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม กรอบวงเงินลงทุน 66,848 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ 8 ปี (ปี 2561-68) โดยรัฐบาลเป็นผู้รับภาระลงทุนทั้งหมด แบ่งเป็นค่าก่อสร้างและค่าที่ปรึกษาในการควบคุมงานฯ 56,543 ล้านบาท และค่าที่ปรึกษาและค่าเวนคืนที่ดินฯ 10,255 ล้านบาท
สำหรับรถไฟทางคู่เส้นดังกล่าว ร.ฟ.ท.คาดว่าจะเริ่มเปิดให้บริการในปี 2567 โดยในปีแรกของการเปิดให้บริการคาดว่าจะมีผู้โดยสารมาใช้บริการ 3.8 ล้านคน/ปี และขนส่งสินค้าได้ 7 แสนตัน/ปี ขณะที่ในปี 2599 คาดว่าผู้โดยสารจะเพิ่มเป็น 8.3 ล้านคน/ปี และขนส่งสินค้าได้ 1 ล้านตัน/ปี