เมื่อวานนี้ (15 ส.ค.) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ อภิปรายในการแปรญัตติถึงเหตุผลที่ควรมีคณะกรรมาธิการด้านความหลากหลายทางเพศ แยกออกมาจาก “คณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ” ที่มีการยกร่าง โดยระบุว่า บุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศในประเทศไทยมีกว่า 7 ล้านคน พวกเขาถูกโกงความเป็นมนุษย์ ถูกตัดตอนความฝันมาอย่างยาวนาน ไม่เคยมีการสร้างความเข้าใจ ซ้ำยังสร้างชุดความเกลียดชัง อคติ และถูกตีตราว่าไม่เท่า เทียมกับเพศชายและเพศหญิง ด้วยกฎระเบียบ กฎหมาย การแพทย์ ศาสนา วัฒนธรรม การศึกษา หรือแม้แต่สถาบันครอบครัว โดนรังแกตั้งแต่เด็กจนกระทั่งจบการศึกษา ประกอบอาชีพแล้วก็ยังโดนเลือกปฏิบัติมีผลต่อการทำงานไปตลอดชีวิต
“ความเหลื่อมล้ำ การโกงความเป็นมนุษย์ คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับคนที่มีความหลากหลายทางเพศมายาวนาน จดทะเบียนสมรสตามกฎหมายไม่ได้ เซ็นอนุญาตให้ผ่าตัดรักษาคนรักไม่ได้ บุตรบุญธรรมไม่มีสิทธิตามกฎหมาย โครงสร้างพื้นฐานสังคมไทย สร้างความไม่เข้าใจผู้มีความหลากหลายทางเพศแบบหยั่งรากลึก มีการเลือกปฏิบัติไม่เป็นธรรมกระทบต่อการประกอบอาชีพ ต่อปากท้อง ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นการฆ่าตัดตอนความฝันของบุคคล ถามว่าจะมีคนที่มีความหลากหลายทางเพศกี่คนที่จะมีความฝัน กล้าที่จะมายืนในสภาแห่งนี้ หรือแม้แต่ฝันถึงการเป็นนายกรัฐมนตรีที่เป็นกะเทย ยิ่งชนชั้นแรงงาน ชนชั้นล่างอื่นๆ จะกล้าฝันหรือไม่ ตนเป็นกะเทยคนแรก ได้มายืนตรงนี้ ขอเป็นตัวแทนคนไทยที่มีความหลากหลายทางเพศแก้ปัญหาทั้งหมดที่ว่ามา และขอยืนยันให้มีการตั้ง กรรมาธิการสามัญด้านความหลากหลายทางเพศและความเท่าเทียมทางเพศ แยกออกมาอีกชุด ถึงเวลาแล้วที่จะได้สร้างความเข้าใจเรื่องความหลากหลายทางเพศ สร้างความเข้าใจเรื่องมนุษย์เท่าเทียมที่รัฐสภาแห่งนี้เป็นจุดเริ่มต้น”
ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า เหตุผลที่ต้องมีการแยก กมธ.ชุดนี้ออกมา เพื่อความคล่องตัวในการทำงาน รวมถึงบริบทปัญหาของผู้มีความหลากหลายทางเพศนั้นแตกต่างจากปัญหาอื่นๆ ของกลุ่มคนที่อยู่ใน กมธ.ในชุดเดียวกัน ซึ่งก็มีเรื่องมากมายที่ต้องแก้ไข ถ้านำไปต่อท้าย จะยิ่งเป็นการไปเพิ่มปัญหาให้
นายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้ลุยขึ้น อภิปรายต่อว่า ขอร่วมแสดงความคิดเห็น ในการสนับสนุนเพื่อนสมาชิกจากพรรคอนาคตใหม่ 2 ท่าน ที่เสนอแยกชุด กมธ.ไว้ดูแลเพิ่มสิทธิผู้มีความหลากหลายทางเพศโดยเฉพาะ ในสภาพสังคมไทยเมื่อเทียบกับสถานะทางกฎหมายไม่สอดคล้องกัน สังคมไทยเปิดและยอมรับความหลากหลายทางเพศมากที่สุดสังคมหนึ่งในโลก แต่กฎหมายคุ้มครองสิทธิไม่ได้สอดคล้องกับความรู้สึกของคนไทยที่มีต่อเพื่อนร่วมประเทศที่มีความหลากหลายทางเพศ
“ผมไม่อยากที่จะให้พวกเราปล่อยให้การต่อสู้เพื่อให้มีความเป็นธรรม ความเสมอภาคในเรื่องนี้ ต้องเป็นเรื่องที่ผู้มีความหลากหลายทางเพศเท่านั้น เขาต้องลุกขึ้นยืนอภิปราย ต้องลุกขึ้่นต่อสู้ ถ้าเราเห็นว่าเพื่อนร่วมประเทศของเรากลุ่มหนึ่ง 7 ล้านคนหรือจะกี่คนก็ตาม ไม่ได้รับความเป็นธรรมในเรื่องที่มีความสำคัญ ผมคิดว่าเป็นภาระหน้าที่ของพวกเราทุกคนที่จะลุกขึ้นช่วย ที่จะหาวิธีสนับสนุนให้เขาได้รับความเป็นธรรม มีความเสมอภาคโดยเร็ว” นายกรณ์ กล่าว
นายกรณ์ กล่าวต่อว่า ความลักลั่นทำให้ประชาชนกลุ่มนี้ขาดความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ปัจจุบันมีข้อเสนอใหม่ มีการใช้คำใหม่ คือ คู่ชีวิต แทนคู่สมรส แต่ร่างกฎหมายนี้สิทธิยังไม่ครบถ้วนที่จะนำไปสู่ความมั่นคงทางเศรษฐกิจยังขาดไปอีกมาก ถ้าจะนำไปสู่ความเสมอภาคอย่างแท้จริง ต้องไม่ประดิษฐ์คำใหม่ หรือร่างกฎหมายขึ้นใหม่ แต่ต้องแก้ต้นตอของประเด็นนี้ คือ นิยามคำว่า คู่สมรสใน พ.ร.บ. แพ่งและพาณิชย์ ให้เป็นเรื่องระหว่างบุคลต่อบุคคล ถ้าทำได้กฎหมายอื่นๆ แทบไม่ต้องมีเลย