จากกรณีที่โลกออนไลน์มีการแชร์เรื่องราวความเชื่อของสมาชิกเฟซบุ๊กรายหนึ่ง ที่อ้างว่า “แอบใส่ปัสสาวะลงในหม้อซุปก๋วยเตี๋ยว เพราะจะช่วยให้ลูกค้าที่มารับประทานหายปวดเมื่อยตามร่างกาย เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่ทำงานก่อสร้าง และมักจะบ่นว่าปวดเมื่อยตามร่างกาย แต่หากจะแนะนำตรงๆ ก็กลัวคนหาว่ากวนตีน เลยแอบนำปัสสาวะของตัวเองใส่ลงไปในหม้อน้ำซุป ผลปรากฏว่าลูกค้าติดกันงอมแงม หลายเสียงบอกว่ากินร้านนี้แล้วหายปวดเมื่อย ทำให้ประเด็นดังกล่าวกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียล หลายคนถึงกับสืบหาข้อเท็จจริงว่าการกระทำดังกล่าว ได้ผลจริงหรือไม่?”
แต่หากเราย้อนไปในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าเคยกล่าวถึง “ปัสสาวะรักษาโรคไว้ในหลายสูตร” เช่น ในจัตตาริสูตร สูตรที่เป็นหัวใจของการพ้นทุกข์ว่า “ปัสสาวะเป็นยาที่หาได้ง่ายและไม่มีโทษ” นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่กล่าวถึงประโยชน์ของปัสสาวะไว้ 2 ข้อคือ
1.ทำให้อายุยืนยาว เราสามารถใช้ปัสสาวะเป็นอาหารและน้ำในยามขาดแคลนได้ โดยประทังชีวิตด้วยการกินปัสสาวะอย่างเดียวได้เป็นเวลาถึง 6 เดือน
2.ช่วยลดโรคได้ทุกโรค ของเสียในปัสสาวะมีฤทธิ์อ่อนๆ
การใช้น้ำปัสสาวะยังช่วยลดความชิงชังรังเกียจอันเป็นทุกข์ ช่วยล้างอัตตาและสร้างอุเบกขาด้วย โดยสรุป น้ำปัสสาวะมีคุณค่าต่อเราทั้งร่างกายและจิตวิญญาณ ช่วยให้พ้นทุกข์และสร้างความผาสุกให้มนุษย์ได้อย่างน่ามหัศจรรย์อย่างยิ่ง
นอกจากนี้ ในประเทศไทยยังมี “ค่ายสุขภาพ แพทย์วิถีธรรม” ศูนย์เรียนรู้สุขภาพพึ่งตนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง โดย หมอเขียว (ใจเพชร กล้าจน) เป็นผู้บูรณาการองค์ความรู้หลักแพทย์วิถีธรรมตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง โดยมีสาเหตุมาจากสถานการณ์ปัญหาสุขภาพของประเทศไทย 3 ประการหลัก ได้แก่
1.ปริมาณผู้ป่วย ชนิดของความเจ็บป่วย และความรุนแรงของการเจ็บป่วยโดยรวมเพิ่มมากขึ้น
2.ค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหาความเจ็บป่วยเพิ่มมากขึ้น
3.ยิ่งนับวันประชาชนก็ยิ่งมีศักยภาพที่น้อยลงในการดูแลแก้ไขปัญหาสุขภาพด้วยตนเอง (พึ่งตนเองไม่ได้หรือพึ่งตนเองได้น้อย)
เป้าหมายของการจัดอบรม
1.เรียนรู้กลไก การเกิด และการหายของโรคต่างๆ โรคเหล่านี้ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด บรรเทา หรือหายได้ด้วยการปรับสมดุลของร่างกายและจิตใจ
2.เรียนรู้วิธีปฏิบัติเพื่อป้องกันโรค ควบคุมโรค ส่งเสริม และฟื้นฟูสุขภาพ ด้วยเทคนิค 9 ข้อ สำหรับผู้ป่วยที่มีโรคหรืออาการเจ็บป่วยต่างๆ เช่น มะเร็ง เนื้องอก เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันสูง โรคหัวใจ หอบหืด ไตเสื่อม ภูมิแพ้ ปวดตามข้อ ปวดเมื่อย บวม แดง ร้อนตามร่างกาย และผู้ป่วยที่มีภูมิต้านทานน้อย เป็นต้น
3.เรียนรู้เทคนิคการรับประทานอาหาร ตามลำดับการย่อยง่าย คุ้มครองเซลล์ และมารู้จักอาหารปรับสมดุล
4.มารู้จัก ผัก ผลไม้ สมุนไพร และกลุ่มอาหารฤทธิ์ร้อน-ฤทธิ์เย็น
5.เรียนรู้การทำน้ำสมุนไพร และการปรุงอาหารเพื่อปรับสมดุลร้อน-เย็น
6.เรียนรู้กายบริหาร โยคะ กดจุดลมปราณ ตามอวัยวะต่างๆ เพื่อช่วยส่งเสริมและฟื้นฟูสุขภาพ
7.เรียนรู้การระบายพิษออกจากร่างกาย ด้วยวิธีต่างๆ ตามหลักแพทย์วิถีธรรม
8.เรียนรู้วิธีดับโลก (โรค) ร้อน ด้วยวิถีแห่งพรหม
9.เพื่อให้ทุกท่านมาเป็นหมอดูแลและบำบัดสุขภาพตนเอง โดยไม่ต้องพึ่งยา หรือลดการใช้ยา
จากข้อมูลข้างต้น จึงทำให้เกิดเป็นกลุ่มที่ “รวบรวมผู้ใช้น้ำปัสสาวะ” เพื่อเก็บข้อมูลต่างๆ สำหรับงานวิจัย และให้ผู้ที่สนใจได้เข้ามาศึกษา แลกเปลี่ยนองค์ความรู้กับผู้มีประสบการณ์จริงในการใช้น้ำปัสสาวะที่ผ่านการเรียนรู้หลักการแพทย์วิถีธรรม หรือหลายๆ คนก็เข้ามาแชร์ประสบการณ์ของตัวเองที่ใช้ปัสสาวะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน อาทิ
– ใช้แช่ตาทุกวัน เช้า-เย็น มาเดือนกว่า ตาที่เป็นต้อเนื้อเริ่มหดตัว
– ล้างขัดหน้าทุกวันนี้ไม่ได้ใช้สบู่ล้างหน้า
– ใช้หมักกับเปลือกมังคุด 15วัน แล้วให้ลูกทาเชื้อราที่ก้น ขาหนีบ หายเกือบ 100%
– ถูกประตูรถหนีบนิ้วปวดมาก แช่ปัสสาวะทันทีความปวดลดลงในครึ่งชั่วโมง
– นำมาล้างจมูก ล้างหน้า หยอดหู ตา / ตาเมื่อก่อนมีขี้ตาออกตอนกลางคืนขับรถไม่ได้ ตอนนี้ใส
– ตั้งแต่อม-ดื่ม ล้างตา ทาตัว หมักผม แช่มือ-เท้า แช่ตัว ทำนาโน รวมไปถึงรดน้ำต้นไม้ ที่ประทับใจที่สุดคือ ใช้ทาเข่า ทาหลัง เวลาปวด โดยไม่ต้องใช้สเปรย์พ่นแก้ปวดเข่า ปวดหลังอีก สูดดม จมูกโล่งไม่เป็นหวัดไม่วิงเวียน