ข่าวดังกระหึ่มในแวดวง Commercial ช่วงนี้ไม่น่าหนีพ้นการเปิดตัวอาณาจักรศูนย์การค้า และความบันเทิงแห่งยุค ‘ICONSIAM’ อภิมหาโปรเจ็กต์ที่หลายคนรอคอยและจับตามองมาเกือบ 5 ปี!!!
ภายใต้การกุมบังเหียนของ “แป๋ม ชฎาทิพ จูตระกูล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ทายาทคนสำคัญของ “พลเอกเฉลิมชัย จารุวัสตร์”
ความแปลกใหม่ที่เกิดขึ้นที่ ICONSIAM ได้พลิกโฉมการพัฒนาโครงการเป็นจุดหมายปลายทางของธุรกิจศูนย์การค้าครั้งใหญ่ด้วยคอนเซ็ปต์ “การสร้างประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่าย” หรือ Creating Shared Value และ “การร่วมกันรังสรรค์” หรือ Co-Creation ในสเกลที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนที่ใดในโลก และที่สำคัญเป็นการรวมศูนย์ของ Luxury Brand ทั่วโลกมาปักหมุดอยู่ที่ ณ จุดนี้
แต่… ก่อนจะถึงวันเปิดตัวสุดอลังการที่กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 9 พฤศจิกายนนี้ ไบรท์ออนไลน์ จะขอพาคุณ ‘ย้อนรอย’ ไปทำความรู้จักอาณาจักรแห่งนี้ พร้อมนับถอยหลังสู่วันเปิดตัวไปพร้อมๆ กันค่ะ
กำเนิดอาณาจักร ICONSIAM
ย้อนกลับไปในปี 2554 มีการก่อตั้ง บริษัท ไอคอนสยาม จำกัด โดยการจับมือกันของ 3 บริษัทยักษ์ใหญ่ในไทย ได้แก่ ‘สยามพิวรรธน์’ เจ้าของและผู้บริหารศูนย์การค้าชั้นนำใจกลางกรุงเทพฯ (เครือสยามทั้งหลายนั่นแหละค่ะ) ‘MQDC แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น’ บริษัทผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย และเจ้าพ่อธุรกิจค้าปลีกค้าส่งและการลงทุน ‘เครือเจริญโภคภัณฑ์’
3 ปีหลังการจับมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ หัวเรือของ สยามพิวรรธ์ “ชฎาทิพ จูตระกูล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้ออกมาประกาศว่า กำลังจะมีบิ๊กโปรเจ็กต์ ‘ICONSIAM’ อาณาจักรศูนย์การค้าและความบันเทิง อันจะเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของคนไทย และชาวต่างชาติทั่วโลกที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา
โดยจุดกำเนิดของศูนย์การค้าแห่งนี้เป็นความตั้งใจของ ‘สยามพิวรรธ์’ ที่ต้องการสร้างความแตกต่างอันยิ่งใหญ่ให้ชาติไทย ด้วยสิ่งก่อสร้างอันเป็นเสมือน Community ที่สง่างาม มีชื่อเสียงระดับชาติ และเป็นที่ภาคภูมิใจของคนไทย ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยพันธมิตรที่มองเห็นเป้าหมายเดียวกัน เพื่อแรงร่วมใจกันไปถึงฝั่งฝัน รวมทั้งต้อง ‘ใจถึง’ ด้านการลงทุนด้วย เนื่องจาก ICONSIAM นั้นไม่ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อหาผลกำไรเพียงอย่างเดียว แต่เกิดขึ้นจากแนวคิดของการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของชาติไทย ซึ่งเม็ดเงินลงทุนอันมหาศาลที่อาจจะต้องใช้เวลาเป็น 10 ปีถึงจะคืนทุนได้ ทำให้พันธมิตรที่ดีที่สุดในโปรเจ็กต์นี้จึงหมายถึง ‘MQDC แมกโนเลีย’ และ ‘CP’ นั่นเอง
คุณชฎาทิพ เคยให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ว่า โครงการนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าไม่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากผู้เป็นพ่อ (พล.อ.เฉลิมชัย จารุวัสตร์) ที่ให้แนวทางการทำธุรกิจไว้ว่า ถ้าจะทำโครงการอะไรนับจากนี้ต้องเชิดชูความเป็นไทยแล้วจะชนะใจคนทั้งโลก
จากนั้น 2 ปีถัดมา ได้มีการจัดงานเปิดตัว ‘ICONSIAM-The ICON Unrivaled’ เพื่อเผยโฉม 2 อาณาจักรศูนย์การค้าและความบันเทิงแห่งยุค บนพื้นที่ 525,000 ตารางเมตร (พื้นที่รวมของทั้งหมด 750,000 ตารางเมตร) ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ด้วยเงินลงทุน 54,000 ล้านบาท!
โดย 2 อาณาจักรของ ไอคอนสยาม ประกอบด้วย ศูนย์การค้าแห่งยุค 2 อาคาร คือ ไอคอนสยาม (Main Retail & Entertainment) และ ไอคอนลักซ์ (Luxury Wing) และคอนโดมิเนียมหรู อีก 2 อาคาร คือ แมกโนเลียส์ วอเตอร์ฟร้อนท์ เรสซิเดนซ์ ณ ไอคอนสยาม และ เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ ภายใต้แนวคิดการออกแบบด้วยการรวมสิ่งที่ดีที่สุดของไทยและของโลกเข้าไว้ด้วยกัน โดยผสานเทคโนโลยีล้ำสมัย เข้ากับศิลปะ ความคิดสร้างสรรค์ และความหรูหรา ผสมผสานสิ่งซึ่งเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของไทยเอาไว้อย่างกลมกลืน ถือเป็นโครงการพัฒนาต้นแบบแห่งยุค และเป็นมรดกอันเป็นสัญลักษณ์ของวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย
ไฮไลท์สำคัญของศูนย์การค้าแห่งนี้ที่ “ไบรท์ออนไลน์” ขอยกมาเป็นน้ำจิ้มให้ก่อน ได้แก่
- ตัวอาคารศูนย์การค้า ‘ไอคอนสยาม’ และ ‘ไอคอนลักซ์’ ซึ่งตั้งอยู่ริมน้ำเจ้าพระยา เป็นที่มาของการถูกออกแบบให้คล้ายคลึงกับกระทงและบายศรี เพื่อให้ประหนึ่งเป็นการสักการะแม่คงคาของชาวไทยนั่นเอง
- ไอคอนลักซ์ คือศูนย์รวมความหรูหราระดับโลก โดยรวบรวม World Class Brands ทั้งสินค้าแฟชั่น เครื่องประดับ ในรูปแบบ Global Iconic Store ที่ไม่เคยทำที่ไหนมาก่อนในประเทศไทยมาไว้ที่นี่ แถมตัวอาคารยังมี Façade ทอดยาวริมแม่น้ำถึง 300 เมตร ด้วยกระจกพิเศษจับจีบซ้อนในลักษณะแนวตั้งยาวตลอด เปรียบเหมือนการห่มสไบห่อหุ้มสิ่งมีค่าที่สุดเอาไว้ด้วย
- เป็นแหล่งรวมสินค้าสุดยอดแบรนด์ไทย ตั้งแต่แฟชั่น ศิลปหัตถกรรม ตลอดจนของดีของฝากจาก 77 จังหวัดทั่วประเทศ รวมถึงการสร้างสรรค์ตลาดน้ำในร่มแห่งแรก พร้อมการแสดงศิลปวัฒนธรรมที่หาชมได้ยาก บนพื้นที่กว่า 8,000 ตารางเมตร
- Sport Complex ขนาดใหญ่แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทยที่อยู่บน Roof Top Garden ด้วยบรรยากาศวิวสองฝั่งท้องฟ้าและผืนน้ำเจ้าพระยา
- เป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่ ‘ทาคาชิมายา’ ห้างสรรพสินค้าระดับตำนานของญี่ปุ่นซึ่งถือว่าดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มาเปิดให้บริการแบบ Full Scale ในพื้นที่ 35,000 ตารางเมตร ซึ่งจะวางจำหน่ายสินค้าแบรนด์หรูจากประเทศญี่ปุ่นและแบรนด์แชมเปี้ยนของไทยอย่างครบครัน
- ร้านค้าชั้นนำพร้อมใจกันสร้างปรากฏการณ์ครั้งแรกที่นี่ เช่น JD Sports ร้านแรกในประเทศไทย Adidas Original Store ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย Nike Kicks Lounge แห่งแรกในอาเซียน อาคาร H&M ในรูปแบบ Triplex Store 3 ชั้นสุดอลังการ และ Apple Store แห่งแรกในไทย รวมถึง Harbour อาหารชั้นนำจากไต้หวัน และ Jumbo Seafood ภัตตาคารอาหารทะเลชื่อดังจากสิงคโปร์ด้วย
- เป็นศูนย์รวมของ ‘7 สิ่งมหัศจรรย์’ ที่จะแสดงถึงเอกลักษณ์ไทยสู่เวทีโลกด้วย อาทิ พิพิธภัณฑ์ศูนย์รวมมรดกทางประวัติศาสตร์และสุดยอดภูมิปัญญาไทย การแสดงน้ำพุผสานสื่อมัลติมีเดีย แสง สี เสียง ความยาว 400 เมตร ซึ่งยาวที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และพื้นที่จัดกิจกรรมริมน้ำและ River Park กว่า 10,000 ตารางเมตร
นับถอยหลังวันแห่งความอลังการ
5 ปีของการรอคอยสิ้นสุดลงแล้ว เมื่อ ‘ICONSIAM’ พร้อมเปิดตัวให้ยลโฉมในวันที่ 9 พฤศจิกายนนี้ (เดิมกำหนดเปิดดำเนินการปี 2560) โดยใช้งบการตลาดถึง 1,000 ล้านบาท เพื่อโปรโมทเปิดงานสุดอลังการ ด้วยการแสดงและกิจกรรมต่างๆ และที่น่าตื่นตาตื่นใจน่าจะเป็นการการใช้โดรนกว่า 1,500 ตัว! เพื่อเปิดการแสดงสร้างสีสันริมแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นครั้งแรกในไทย (และไทยเป็นประเทศที่ 18 ในโลกที่มีการใช้โดรนแบบนี้) จะหรูหราและคุ้มค่า เหมือนที่รอคอยหรือไม่ต้องรอดูกัน
รายละเอียดงาน ‘มหาปรากฏการณ์งานเปิดเมืองไอคอนสยาม’ (คลิก www.iconsiam.com)
ต้องบอกว่า ‘ICONSIAM’ เป็นการพลิกโฉมทางเศรษฐกิจย่านฝั่งธน โดย “ชฎาทิพ” ซีอีโอ บอกว่า ในย่านฝั่งธนบุรีนี้ เศรษฐกิจก็มีความเข้มแข็ง ประชากรมีมากกว่า 2.4 ล้านคน และมีกำลังซื้อสูง รวมถึงมีวัฒนธรรมประเพณีดีงามมีคุณค่า ไอคอนสยามจึงเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นหนึ่งที่จะเข้ามามีส่วนสร้างเศรษฐกิจให้กับพื้นที่ตรงนี้และประเทศไทยด้วย
โดยหลังจาก ‘ICONSIAM’ เปิดให้บริการ และเมื่อรถไฟฟ้าสายสีทองดำเนินการก่อสร้างเสร็จในปีหน้า (2562) “ชฎาทิพ” มั่นใจว่าไอคอนสยามจะมีลูกค้าทั้งในและต่างประเทศได้ตามเป้าหมาย 150,000 คนต่อวัน คิดเป็นคนไทย 70% และนักท่องเที่ยวต่างชาติ 30% ส่วนช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว เช่นปลายปี คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มเป็น 45% ซึ่งคาดว่าเป็นชาวเอเชียมากที่สุดถึง 40% ในส่วนต่างชาตินี้ และมีจีนมากที่สุด 20% รองลงมาคือ ยุโรป และอเมริกา
ICONSIAM พร้อมจะเปิดให้บริการประชาชนทั่วไปในวันที่ 10 พฤศจิกายนนี้ แม้ว่าอาจจะเปิดบริการได้เพียง 80-90% ของร้านค้าทั้งหมดเท่านั้น แต่แบรนด์ดัง หรือ Shop ต่างๆ ที่ไม่เคยเปิดในไทยมาก่อนมาลงพื้นที่แน่นอน ขาช็อปไม่ต้องกังวล เตรียมตัวไปปักหมุดเช็กอินกันได้เลย
Photo via: www.iconsiam.com