ดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว เสี่ยงอาการสมองบวม เรื่องที่หลายคนไม่รู้
จากความเชื่อที่หลายคนคิดว่าการดื่มน้ำที่เหมาะสมคือการดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว โดยในความเป็นจริงแล้ว การดื่มน้ำในปริมาณดังกล่าวมีความเสี่ยงต่ออาการสมองบวม
จากข้อมูลคำแนะนำของคณะกรรมการอาหารและโภชนาการของสหรัฐอเมริกาที่เผยเอาไว้เมื่อในปี 1945 มีเนื้อหาว่าร่างกายคนเราต้องการน้ำวันละ 2.5 ลิตร หรือ 2,500 ซีซี จึงมีการนำไปแปลความหมายแบบผิดๆ ว่าควรดื่มน้ำวันละ 8 แก้วเป็นอย่างน้อย เพราะจะเท่ากับ 2,500 ซีซีพอดี แต่ในความเป็นจริง ร่างกายเรานอกจากการดื่มน้ำ ยังได้รับน้ำจากอาหารอื่นๆ ด้วย เช่น ข้าวสวย ข้าวต้ม ผัก ผลไม้ เป็นต้น ซึ่งมีน้ำเป็นส่วนประกอบ อีกทั้งร่างกายยังจะได้รับน้ำจากการเผาผลาญร่างกายด้วย
ฉะนั้นการดื่มน้ำวันละ 8 แก้วจะทำให้ร่างกายได้รับน้ำในปริมาณที่เกินพอดี ที่นอกจากจะไม่มีประโยชน์แล้ว ยังเสี่ยงต่ออาการสมองบวมด้วย เนื่องจากการดื่มน้ำเกินปริมาณที่ร่างกายต้องการ จะทำให้โซเดียมในเลือดเจือจาง นำไปสู่ภาวะเซลล์บวมน้ำ ซึ่งถ้าหากเซลล์ที่บวมน้ำเป็นส่วนสมองจะทำให้เกิดอาการสมองบวม เกิดอาการน้ำเป็นพิษ และทำให้เกิดอาการอย่างเช่น ปวดหัว มึนซึม คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนแรง ชัก หมดสติ และถ้าหากได้รับการรักษาไม่ทันการจะส่งผลให้เสียชีวิตได้อีกด้วย
ดังนั้น ความเชื่อที่ว่าการดื่มน้ำวันละ 8 แก้วเป็นปริมาณที่พอดีกับความต้องการของร่างกายนั้นเป็นความเชื่อที่ผิด ทางที่ดีควรดูก่อนว่าในวันนั้นๆ เราทานอะไรเข้าไปบ้าง ถ้าหากอาหารที่ทานมีน้ำเป็นส่วนประกอบเยอะอยู่แล้ว โดยเฉพาะพวกผักและผลไม้ อีกทั้งยังพวกอาหารที่มีน้ำแกงต่างๆ ก็ไม่จำเป็นต้องดื่มน้ำในปริมาณที่มาก