ไขข้อสงสัย ฉีควัคซีนพิษสุนัขบ้าในคน ต้องฉีดก่อนหรือหลังโดนกัด
โรคพิษสุนัขบ้าเป็นโรคที่กำลังระบาดอยู่ตอนนี้ และมีความอันตรายถึงชีวิต ไม่สามารถรักษาให้หายได้ เพราะในปัจจุบันยังไม่มียารักษา ทำให้หลายฝ่ายให้ความสำคัญกับโรคนี้อย่างมากในช่วงเวลานี้ ทั้งการประกาศเตือนให้เฝ้าระวังและการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคทั้งในสัตว์และในคน
สำหรับการฉีดวัคซีนในคนเพื่อป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ยังมีหลายคนสงสัยกันอยู่ว่าจะต้องฉีดก่อนหรือหลังรับเชื้อ เนื่องจากเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดโรค โดยการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้านั้นเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อ Rabies virus มีทั้ง 2 รูปแบบ คือ “การฉีดก่อนได้รับเชื้อ” และ “การฉีดหลังรับเชื้อ”
การฉีดก่อนได้รับเชื้อ มักฉีดให้กับผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการรับเชื้อพิษสุนัขบ้า หรือเสี่ยงต่อการถูกสุนัขกัดรวมถึงสัตว์อื่นๆ ที่มีเชื้อ เช่น บุรุษไปรษณีย์ สัตวแพทย์ เป็นต้น
การฉีดหลังได้รับเชื้อ เป็นการฉีดให้กับคนที่ถูกสัตว์กัด เลีย ข่วน หรือถูกน้ำลายของสัตว์ที่มีเชื้อบริเวณผิวหนังที่มีบาดแผลหรือรอยถลอก รวมถึงการได้สัมผัสกับสารคัดหลั่งของสัตว์ที่มีเชื้อ เช่น น้ำลายกระเด็นเข้าตา ปาก จมูก หรือบาดแผล เป็นต้น
ในส่วนของรายละเอียดการฉีดวัคซีนเรื่องของความถี่และจำนวนเข็มที่ต้องฉีด จะต้องพิจารณาจากประวัติของการได้รับวัคซีน สามารถฉีดได้ 2 วิธี คือฉีดเข้ากล้ามเนื้อและฉีดเข้าผิวหนัง ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงต่อการเป็นโรคพิษสุนัขบ้า และประวัติการได้รับวัคซีนที่ผ่านมา
หากเปรียบเทียบผลลัพธ์ระหว่างการฉีดวัคซีนก่อนได้รับเชื้อและการฉีดวัคซีนหลังรับเชื้อ พบว่าการฉีดวัคซีนก่อนรับเชื้อได้ผลดีกว่า โดยจะต้องฉีดตามวันและปริมาณที่กำหนด เพื่อประสิทธิภาพในการป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ผลข้างเคียงของวัคซีนโรคพิษสุนัขบ้ามีความแตกต่างกันออกไปในผู้รับวัคซีนแต่ละราย เช่น ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย มีไข้ มีอาการปวด รอยแดง ร้อน คัน เป็นต้น