โดยธรรมชาติของมนุษย์อย่างชาวเรา อาหารถือเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมาก แต่ในเรื่องของรสชาติอาหารก็สำคัญไปน้อย เพราะรสชาตินั้นแฝงไปด้วยพลังงานที่ให้ทั้งประโยชน์และโทษที่ส่งผลต่อร่างกายของเรา โดยจะแบ่งรสชาติของอาหารได้ 5 รส นั่นก็คือ รสหวาน รสเค็ม รสเปรี้ยว รสขม และรสเผ็ด
รสหวาน
หากเรานึกถึงรสชาติของความหวาน อันดับแรกคงไม่พ้นน้ำตาลอย่างแน่นอน ที่ไม่ว่าเราจะปรุงแต่งเข้าไปในอาหารเพื่อเพิ่มรสชาติ หรือรสหวานที่มีอยู่ในธรรมชาติของอาหารชนิดนั้นๆ เช่น อ้อย แตงโม น้ำผึ้ง ฯลฯ ซึ่งสิ่งที่รสหวานจะส่งผลต่ออวัยวะในร่างกายก็คือม้ามและกระเพาะอาหาร
รสเค็ม
ถัดมาคือรสเค็มที่จะต้องยกให้ก็คือ เกลือและน้ำปลา ที่เราจะต้องนึกถึง ซึ่งแน่นอนว่ารสเค็มจะส่งผลโดยตรงต่อไต และอวัยวะที่เกี่ยวเนื่องกัน อย่างกระเพาะปัสสาวะของเรา
รสเปรี้ยว
พอนึกถึงรสชาติของความเปรี้ยวก็น้ำลายแตกมาแล้ว ทั้งมะนาว มะม่วง ส้ม ฯลฯ ยิ่งตอนที่เรารู้สึกอ่อนเพลีย ได้อะไรเปรี้ยวๆเข้าไปหน่อย พลังงานในร่างกายก็เพิ่มพูนขึ้นมาทันที ซึ่งรสเปรี้ยวก็จะส่งผลกับตับ และถุงน้ำดีในร่างกายของเรานั่นเอง
รสขม
หวานเป็นลม ขมเป็นยา โบราณกล่าว แต่อาหารที่มีรสชาติขม มันก็คงไม่ถูกปากเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็น มะระ สะเดา ยอ ฯลฯ แต่การที่เรารับประทานอาหารที่มีรสขมเข้าไปก็จะมีผลต่ออวัยวะ อย่างคือหัวใจและลำไส้เล็ก ที่ว่าน้ำใบบัวบกรักษาใจได้ ก็คงจะจริง
รสเผ็ด
มาถึงรสชาติที่ชาวไทยนิยมรับประทานนั่นก็คือรสเผ็ด ซึ่งก็รวมไปถึงสมุนไพรไทยด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น พริก กระเทียม ขิง ฯลฯ ซึ่งแน่นอนว่าการรับประทานอาหารที่มีรสเผ็ดก็จะส่งผลต่ออวัยวะอย่างปอดและลำไส้ใหญ่ สังเกตง่ายๆก็ตอนที่เรารับประทานอาหารเผ็ดมากๆและเกิดอาการปวดท้องนั่นเอง
สุดท้ายขอฝาก “แฟนเทรนเนอร์” คอลัมน์น้องใหม่ ที่จะมาแชร์ความรู้ เทคนิค และประสบการณ์ในการดูแลสุขภาพและการออกกำลังกายให้กับทุกคน เราจะรักและดูแลสุขภาพไปด้วยกันนะ