เรื่องความรักบางครั้งก็ห้ามกันไม่ได้ คนรักอยู่ใกล้ชิดกันก็ย่อมอยากจะสัมผัสแตะต้องกัน ยิ่งวัยรุ่นด้วยแล้วหลายคู่เลยเถิดจบลงที่บนเตียง ความรักห้ามไม่ได้ แต่ถ้าจะคิดจะมีอะไรกันสามารถป้องกันได้ ซึ่งวิธีคุมกำเนิดก็มีหลากหลายวิธีด้วยกัน เลือกสักวิธีปัญหาท้องไม่พร้อมจะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
1.ถุงยางอนามัย เป็นวิธีคุมกำเนิดแบบเบสิคที่ง่ายและได้ผลค่อนข้างดี ซึ่งยุงยางอนามัยก็สามารถหาซื้อได้จากร้านสะดวก นอกจากจะช่วยป้องกันไม่ให้ท้องแล้ว ยังช่วยป้องกันโรคติดต่อด้วย แต่ระวังอย่าให้ถุงยางฉีกขาด และเลือกขนาดให้เหมาะสม แล้วไม่ต้องตกใจหากโรมรันพันตูแล้วพบว่าถุงยางขาด ให้หายาคุมฉุกเฉินมากินกันไว้ก่อน
2.ยาคุมกำเนิดชนิดเม็ด วิธีนี้ฝ่ายหญิงต้องกินยาให้ถูกต้องและสม่ำเสมอ ในท้องตลาดมีขายอยู่ 2 ชนิด คือ ชนิด 28 เม็ด และ 21 เม็ด ซึ่งคุมกำเนิดได้ผลทั้งคู่ เพราะแผงที่มี 28 เม็ดนั้น เขาเพิ่มวิตามินมาให้อีก 7 เม็ด เพื่อคุณผู้หญิงกินยาได้ต่อเนื่องโดยไม่ลืม ส่วนแผง 21 เม็ด เมื่อกินยาหมดแผงให้เว้นไป 7 วันเพื่อให้ประจำเดือนมา เริ่มกินยาเม็ดแรกภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน และหลังจากนั้นกินติดต่อกันทุกวัน วันละ 1 เม็ดจนหมดแผง หากเผลอไผลลืมกินให้รีบกินยาทันทีที่นึกได้ แต่ถ้าลืมกินยาเกิน 1 วัน ให้กินยาพร้อมกัน 2 เม็ด เมื่อลืมกินยา 2 วัน ให้รีบกินยา 2 เม็ด ทันที ที่นึกได้ และให้กินอีก 2 เม็ดในวันต่อไป และระหว่างนี้ ให้ใช้ถุงยางอนามัยในการมีเพศสัมพันธ์จนกว่าจะเริ่มกินยาแผงใหม่ เมื่อลืมกินยามากกว่า 2 วัน ให้เลิกกินยาแผงนั้นไปเลย และระหว่างนี้ให้ใช้ถุงยางอนามัยในการมีเพศสัมพันธ์ แล้วเริ่มยาแผงใหม่ในรอบประจำเดือนต่อไป
3.แผ่นแปะผิวหนังคุมกำเนิด แผ่นแปะมีขนาด 4.5 x 4.5 เซนติเมตรโดยประมาณ ใช้แปะที่ผิวหนังบริเวณ สะโพก หน้าท้อง ต้นแขน ด้านนอก แผ่นหลังด้านบน โดยตัวยาจะซึมผ่านผิวหนังเข้าสู่กระแสเลือด เริ่มติดในวันแรกที่มีประจำเดือน แปะไว้ 7 วัน แล้วเปลี่ยนแผ่นใหม่ เมื่อครบ 3 แผ่น ใน 3 สัปดาห์ ให้เว้น 1 สัปดาห์ เพื่อให้มีประจำเดือน เมื่อลืมแปะยาให้แปะทันทีที่นึกได้ แต่ไม่ควรลืมเกิน 2 วัน หากเกิน 2 วัน ให้คุมกำเนิดโดยใช้ถุงยางอนามัย แล้วเริ่มแปะยาในรอบประจำเดือนต่อไป
4.ยาฉีด สามารถรับบริการฉีดยาคุมกำเนิด ได้ที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด โรงพยาบาลประจำอำเภอ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) รวมไปถึง คลินิก และโรงพยาบาลเอกชน หากสถานบริการสุขภาพนั้น ไม่มียาฉีดคุมกำเนิดให้บริการ ก็สามารถหาซื้อยาได้จากร้านขายยาที่มีเภสัชกรและนำไปให้สถานบริการสุขภาพฉีดยาให้ได้ ปัจจุบันยาฉีดคุมกำเนิดมีให้เลือก 3 ชนิด ได้แก่ ชนิด 1 เดือน (4 สัปดาห์) 2 เดือน (8 สัปดาห์) และ 3 เดือน (12 สัปดาห์) ซึ่งจะมีรอบฉีดทุกๆ 30 วัน 60 วัน และ 90 วัน การฉีดยาคุมกำเนิดอาจส่งผลให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ กะปริบกะปรอย หรือไม่มีประจำเดือนเลยในช่วงเวลานั้น
5.ยาฝัง ขอรับบริการได้ที่โรงพยาบาลรัฐและเอกชน สำหรับวัยรุ่นที่อายุไม่เกิน 20 ปี โรงพยาบาลรัฐมีบริการฝังยาคุมฟรี ผู้ที่อายุมากกว่า 20 ปีขึ้นไป มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 2,000-2,500 บาท ซึ่งคุมกำเนิดได้นาน 3-5 ปี ตามชนิดของยา มีข้อดีคือช่วยลดปัญหาการลืมกินยาหรือฉีดยา แพทย์จะฝังฮอร์โมน ซึ่งบรรจุในหลอดพลาสติกขนาดเล็กๆ ไว้ใต้ผิวหนัง บริเวณต้นแขนด้านใน การฝังยานี้ อาจมีผลทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติหรือกะปริบกะปรอย ซึ่งพบได้ประมาณ 1 ใน 3 ของผู้ใช้วิธีการฝังยา
6.ห่วงคุมกำเนิด โดยสามารถรับบริการใส่ห่วงคุมกำเนิดได้ที่สถานบริการสุขภาพ ห่วงที่ว่าจะมีลักษณะเป็นเหมือนรูปตัว T ขดในมดลูกป้องกันการฝังตัวของไข่ ผู้ที่ใส่ห่วงต้องหมั่นตรวจตราทุกเดือนว่าห่วงยังไม่หลุดไปไหน เพราะหากห่วงหลุดขึ้นมา ก็อาจตั้งครรภ์ได้
7.ทำหมันหรือคุมกำเนิดถาวร เหมาะสำหรับผู้ที่มีบุตรเพียงพอแล้ว สามารถทำได้ชายและหญิง โดยการทำหมันชายทำได้ง่ายและสะดวกมากกว่าหมันหญิง วิธีนี้ปลอดภัยและประหยัด
แม้จะมีวิธีคุมกำเนิดหลากหลายวิธี แต่สำหรับน้องๆ หากยังไม่พร้อม ก็ควรรู้จักการยั้บยั้งชั่งใจ และสาวๆ ควรเรียนรู้ที่จะปฏิเสธด้วยนะจ๊ะ