บางครั้งการ ‘หมดรัก’ ก็มาถึงโดยที่เราไม่รู้ตัวเลยค่ะ แต่รู้ไหมคะว่าขณะที่เรายังไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองนั้น เจ้าร่างกายอันแสนชาญฉลาดอาจส่งสัญญาณบางอย่างให้คุณรู้ตัวอยู่ก็ได้ วันนี้ ไบรท์ออนไลน์ มีสัญญาณทางกายภาพ 5 อย่างจากนักจิตวิทยาและผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ ที่จะบอกได้ว่าคุณกำลังหมดรักและไม่ได้อยู่ในโหมดของการมีความรักแสนหวานอีกต่อไปแล้วหรือเปล่า ถ้าอยากรู้ว่ามีอะไรบ้างก็ตามมาเช็กกันเลยค่ะ
1.คุณหวาดหวั่น สับสน หรือกลัว
Dr. Ann Schiebert นักจิตวิทยาและผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ เผยว่า เมื่อไรก็ตามที่คุณเริ่มหวั่นใจ หรือเต็มไปด้วยความกลัวเมื่อคิดถึงการต้องใช้เวลากับคู่ตุนาหงันของตัวเอง นั่นแหละค่ะสัญญาณที่ชัดเจนว่ามีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมแล้ว
2.แสดงความรักน้อยลง
สังเกตตัวเองดีๆ ค่ะว่าคุณและคนรักแสดงความรักต่อกันน้อยลงหรือเปล่า เช่น การอยู่ใกล้ชิดกัน จับมือกระซิบคำหวาน กอด หรือสัมผัสกันน้อยลง การหายไปของอาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณทางกายภาพที่กำลังบอกว่าคุณไม่ได้อยู่ในความรักแสนหวานอีกต่อไปแล้วค่ะ
3.คุณเริ่มมีปัญหาระบบทางเดินอาหาร
ร่างกายของเราฉลาดค่ะ หากคุณหิวผิดเวลา หรือมีอาการปวดท้อง อาจเป็นข้อบ่งชี้ว่าความรักของคุณกำลังหายไป และความวิตกกังวลสามารถแสดงตัวให้คุณเห็นในร่างกายผ่านปัญหาระบบทางเดินอาหารของคุณได้ ดังนั้น ลองจดโน้ตไว้หน่อยนะคะว่าอาการเหล่านี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาแบบไหนของความสัมพันธ์ของคุณและแฟน
4.แพทเทิร์นการนอนหลับพักผ่อนเปลี่ยนแปลงไป
ก็เหมือนกรณีที่เกิดโรคกระเพาะอาหารนั่นแหละค่ะ ปัญหาการนอนหลับที่เกิดขึ้นอาจเป็นผลข้างเคียงของความรู้สึกกระวนกระวายใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณเริ่มรู้สึกว่าการเคล้าคลอกันบนเตียงนั้นไม่ใช่ความปรารถนาของคุณอีกต่อไปแล้ว หรือสัมผัสอันละมุนของคู่รักที่เคยเป็นสิ่งเย้ายวนใจคุณเหลือเกินกลับกลายเป็นสิ่งน่ารังเกียจ จนรู้สึกหวงเนื้อหวงตัวขึ้นมาเสียเฉยๆ สิ่งที่อยู่ในใจเหล่านี้อาจรบกวนจนทำให้คุณนอนไม่หลับได้ค่ะ
5.มีอาการตึงเครียด
หากความรักของคุณหมดลงจริงๆ ก็มีความเป็นไปได้ค่ะว่าคุณอาจมีความเครียดและความวิตกกังวล หรือมีภาวะซึมเศร้าบ้าง และความรู้สึกทางอารมณ์เหล่านี้อาจแสดงออกทางสุขภาพร่างกาย เช่น อาจรู้สึกปวดหรือล้าที่บริเวณไหล่ คอ และหลังได้นะคะ
อาการเหล่านี้อาจไม่ใช่สิ่งที่จะบอกถึงความร้าวฉานในความรักของคุณได้ทั้งหมด แต่ก็อาจเป็นตัวบ่งชี้ว่าบางสิ่งบางอย่างที่ไม่เหมาะสมในชีวิต รวมถึงความสัมพันธ์ของคุณและคนรักกำลังเกิดขึ้น ดังนั้น ให้เวลาตัวเองได้คิดตรึกตรองและขุดให้ลึกลงไปในความรู้สึกของตัวเองนะคะ ว่าจริงๆ แล้วคุณยัง ‘รักหมดใจ’ หรือ ‘ใจหมดรัก’ กันแน่
ที่มา: www.bustle.com