หากพูดถึงเขมรแดง คงต้องย้อนประวัติศาสตร์กลับไปหลาย 10 ปี โดยเรื่องที่ถูกจับตามองจากคนทั้งโลกมาโดยตลอดคงหนีไม่พ้นเรื่องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่โหดร้ายมากที่สุดของมวลมนุษยชาติ
เมื่อวันที่ 16 พ.ย. ที่ผ่านมา นายนวน เจีย อดีตผู้ช่วยนายพล พต ผู้นำเขมรแดง ในวัย 92 ปี และนายเขียว สัมพัน ในวัย 87 ปี อดีตผู้นำรัฐ ได้ถูกพิพากษาโดยศาลพิเศษคดีเขมรแดง หรือ The Extraordinary Chambers in the Courts of Cambodia (ECCC) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสหประชาชาติในข้อหามุ่งกำจัดประชากรกลุ่มชาติพันธุ์เชื้อสายเวียดนามและชาวมุสลิมเชื้อสายจาม นี่เป็นการตัดสินความผิดในฐานข้อหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ครั้งแรกตามนิยามของกฎหมายนานาชาติ การตัดสินในครั้งนี้ทำให้พวกเขาถูกพิพากษาจำคุกตลอดชีวิตอีกครั้งหนึ่ง
ย้อนกลับไปเมื่อ พ.ศ.2540 ทางรัฐบาลกัมพูชาเคยตัดสินพวกเขาในข้อหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มาแล้ว แต่การดำเนินคดีกลับเกิดขึ้นช้าซึ่งรัฐบาลกล่าวว่าเป็นเพราะเศรษฐกิจไม่ดีและชาดแคลนเงินทุน หลายประเทศได้ให้เงินสนับสนุนรวมทั้งอินเดียและญี่ปุ่น แต่จนเดือนมกราคม พ.ศ.2549 เงินทุนก็ยังไม่เพียงพอ ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2549 ศาลสูงของกัมพูชาได้ตัดสินว่าผู้นำเขมรแดง 30 คนมีความผิด และสหประชาชาติเสนอให้ดำเนินคดีกับผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ ด้วยการจำคุกตลอดชีวิต
ใน พ.ศ.2550 นายเอียง ซารีและนางเขียว ธิริธภรรยา ถูกจำคุกที่ศาลนานาชาติกรุงพนมเปญตามคำสั่งของสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรี นอกจากนั้นเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552 ผู้ที่ถูกดำเนินคดีฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวกัมพูชาเกือบ 2 ล้านคน ที่เพิ่มขึ้นมา ก็คือ นายคัง เค็ค เอียวหรือ สหายดุช อดีตหัวหน้าเรีอนจำตวนสเลงนั่นเอง
คราวนี้ ไบรท์ออนไลน์ จะขอเล่าเรื่องราวย้อนกลับไปก่อนที่จะมีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กันบ้าง มาดูกันซิว่าเรื่องราวทั้งหมดนั้นเริ่มต้นขึ้นได้อย่างไร
ย้อนอดีตกลับไปเมื่อ พ.ศ.2497 ประวัติศาสตร์กัมพูชายุคใหม่ได้เริ่มต้นขึ้น เนื่องจากได้รับเอกราชอย่างสมบูรณ์ตามข้อตกลงเจนีวาระหว่างเวียดนามกับฝรั่งเศส โดยในขณะนั้นสมเด็จเจ้านโรดมสีหนุเป็นผู้ปกครองประเทศมาอย่างต่อเนื่อง
จนมาถึงช่วง พ.ศ.2508 สภาพเศรษฐกิจและสังคมของกัมพูชาตกต่ำลงและเสื่อมโทรมจนถึงขีดสุด ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะเป็นผลกระทบมาจากสงครามเย็นนั่นเอง เมื่อเป็นเช่นนี้จึงทำให้การเมืองของกัมพูชาเกิดความวุ่นวายเป็นอย่างมาก จนทำให้เหล่านักศึกษาและประชาชนออกมาเดินประท้วงรัฐบาล
ในเดือนเมษายน พ.ศ.2510 ชาวบ้านและชาวนาในอำเภอซัมลูด จังหวัดพระตะบอง ได้ก่อการจลาจลขึ้น ทำให้รัฐบาลต้องส่งทหารเข้ามาปราบปรามอย่างรุนแรง ด้วยเหตุนี้เหล่าประชาชนจึงถูกรวมเรียกเป็นฝ่ายซ้ายหลบหนีเข้าร่วมกับฝ่ายคอมมิวนิสต์กัมพูชาที่ตั้งฐานที่มั่นอยู่ในพื้นที่ป่าเขา
ต่อมาเดือนมีนาคม พ.ศ.2513 นายพลลอน นอล ผู้ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ อย่างลับ ๆ ได้ทำการรัฐประหารเพื่อโค่นล้มอำนาจของสมเด็จนโรดม สีหนุ หลังจากทำการรัฐประหารยึดอำนาจเสร็จสิ้น สมเด็จนโรดม สีหนุได้ลี้ภัยไปอยู่ที่ประเทศจีน และได้แอบทำการปลุกกระแสมวลชนที่ยังสนับสนุนพระองค์ผ่านทางวิทยุกระจายเสียงให้หันมาสนับสนุนกองทัพเขมรแดง เพียงหวังว่าจะได้กลับมาปกครองประเทศอีกครั้ง
แต่แล้วเมื่อวันที่ 17 เมษายน พ.ศ.2518 กลับเป็นยุคที่เขมรแดงหรือกองกำลังฝ่ายคอมมิวนิสต์กัมพูชาเรืองอำนาจมาก นั่นเป็นผลมาจากการที่พวกเขาพร้อมพันธมิตรอย่างเวียดกง สามารถเข้ายึดอำนาจปกครองกัมพูชาจากสมเด็จนโรดม สีหนุ ได้เบ็ดเสร็จทั้งหมด
หลังจากนั้นความโหดร้าย รุนแรงอย่างสุดขั้ว ก็เริ่มเข้าครอบงำกัมพูชาทั้งประเทศด้วยน้ำมือของนายพล พต ผู้นำกลุ่มเขมรแดง อุดมการณ์ของเขาคือการปรับปรุงเศรษฐกิจให้เป็นแบบสังคมนิยมพึ่งตนเอง โดยไม่ยอมรับความช่วยเหลือใด ๆ จากนอกประเทศและไม่ยอมเป็นพันธมิตรกับประเทศใด ๆ เลยทั้งยังทำการปิดโรงเรียน โรงงาน โรงพยาบาล รวมถึงยกเลิกระบบธนาคาร ระบบเงินตรา และยึดทรัพย์สินจากเอกชนทั้งหมด
นายพล พต มีคำสั่งให้อบยพผู้คนจากกรุงพนมเปญไปยังชนบทเพื่อทำการเกษตร ทุกคนได้แต่หวังว่าจะมีข้าวกิน โดยที่หารู้ไม่ว่าสิ่งที่รอพวกเขาอยู่คือ “ความตาย” ความจริงแล้วนายพล พตนั้นเป็นคนที่คลั่งลัทธิซ้ายสุดๆ เขามีความเชื่อว่าระบบสังคมนิยมจะนำพากัมพูชาไปสู่ความเจริญได้เหมือนในอดีต หากไม่ต้องพึ่งพาใคร รวมถึงไม่ต้องมีเทคโนโลยีเข้ามาสู่ประเทศด้วย เพียงแค่มีข้าวกินก็พอแล้ว
เขาจึงเริ่มกวาดล้างผู้ที่มีความคิดขัดแย้งกับตนเอง อาทิ นักศึกษา เหล่าปัญญาชน แพทย์ วิศวกร นักปราชญ์ รวมถึงศิลปิน ณ ตอนนั้นตั้งแต่นายพล พต ปกครองประเทศ โดยเริ่มตั้งแต่ พ.ศ.2518 จนกระทั่ง พ.ศ.2522 มีผู้คนถูกฆ่าตายอย่างไรเหตุผลเป็นจำนวนมาก อย่างเช่นคนที่ใส่แว่นจะถูกมองว่าเหมือนมีความรู้และเป็นภัยต่อความมั่นคง ปกครองยาก นั่นเอง
นายพล พต ต้องการให้กัมพูชามีแต่ชนชั้นกรรมาชีพ ใช้แรงงานเพื่อการเกษตร ทุกคนต้องเป็นชาวนาชาวไร่ อาศัยอยู่ในค่ายแรงงาน ทำงานวันละ 12 ชั่วโมงโดยไม่หยุดพัก แถมที่ค่ายยังมีอาหารไม่เพียงพอกับแรงงานอีกด้วย 4 ปีที่นายพลพตอยู่ในอำนาจผู้คนล้มตายนับล้านชีวิต ทั้งอดอยาก ทั้งถูกทารุณกรรม ถูกฆ่าอย่างมหาศาล “ทุ่งสังหารและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์อย่างโหดเหี้ยม” จึงอุบัติขึ้น ณ เวลานั้น
ขอบคุณข้อมูลจาก : NextShark, Wikipedia และ กระทู้พันทิป CR เยือนคุก ตวลสแลง ย้อนรอยความโหดเหี้ยมในยุคเขมรแดงเรืองอำนาจ กับความโหดร้ายป่าเถื่อนที่โลกต้องจารึก
ขอบคุณภาพจาก : The Killing Fields
