- Steve Aoki เป็นลูกชายของ Rocky Aoki แชมป์กีฬามวยปล้ำของญี่ปุ่น
- ฮีโร่ในดวงใจคือ “Bruce Lee”
- เขาได้ปริญญาตรี 2 ใบในสาขา Women’s Studies และ สาขา Sociology
- สมัยเรียน Steve Aoki ได้ก่อตั้งค่ายเพลงเล็ก ๆ ขึ้นมา แถมยังเคยจัดคอนเสิร์ตใต้ดินหลายครั้งในอพาร์ตเมนต์ของตัวเอง
- ตอนอายุ 20 เขาเปิดค่ายเพลงอย่างเป็นทางการ โดยใช้ชื่อว่า “Dim Mak Records” (ตั้งชื่อเป็นเกียรติให้กับ Bruce Lee ฮีโร่ของเขา)
- นอกจากงานเพลง Steve Aoki ยังได้ทำธุรกิจเกี่ยวกับเสื้อผ้า, เครื่องใช้ต่าง ๆ อย่างแว่นตาและหูฟัง แถมยังทำธุรกิจร้านอาหารเกาหลีอีกด้วย
เมื่อไม่นานมานี้ Steve Aoki เพิ่งปล่อย MV “Waste It On Me” ออกมา โดยเพลงนี้เขาได้ทำงามร่วมกับบอยแบนด์เกาหลีสุดฮอตอย่างวง BTS อีกด้วย ซึ่งนักแสดงใน MV นั้นมีแต่คนดัง ๆ มากมาย แถมคนเหล่านั้นยังเป็นชาวเอเชียที่มีเชื้อสายอเมริกันทั้งหมด และเพลงนี้ก็ทำให้เขามีชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี่อีกด้วย
สำหรับ MV เพลงนี้เขาได้ Joseph Hahn หรือที่รู้จักในนาม โจ ฮาห์น จากวง Linkin Park มาเป็นผู้กำกับให้ ส่วนนักแสดงหลักเขาก็ได้ Ken Jeong นักแสดงตลกชื่อดังมาเล่นเป็นตัวเอกให้ โดยรับบทเป็นบริกรที่หลงรักสาวสวยสุดไฮโซที่รับบทโดย Devon Aoki น้องสาวต่างแม่ของ Steve Aoki ซึ่งมีดีกรีเป็นถึงดารา Hollywood อีกด้วย
นอกจากนั้นก็ยังได้ดาราดัง ๆ จากเอเชียมาร่วมแสดงใน MV อีกมากมาย อาทิ Jamie Chung, Ben Baller และ Jimmy O. Yang – Jeong ซึ่งมาร้องลิปซิงค์ในท่อนเสียงร้องของหนุ่มวง BTS ในท่อนแรปนั่นเองแม้ MV เพลงนี้จะแสดงออกถึงความตลกขบขัน แต่ความจริงแล้วสามารถสื่ออารมณ์ดิบ ๆ ออกมาได้อย่างชัดเจน
โดย Steve Aoki ได้กล่าวเอาไว้ว่า “เพลงนี้เป็นเพลงที่ร้องโดย BTS มันออกมาดีมาก แถมเสียงของพวกเขายังออกมาจากจิตวิญญาณอีกด้วย ใครได้ฟังก็ต้องสัมผัสได้ถึงจุดนี้อย่างแน่นอน”
ความจริงแล้วนี่เป็นการร่วมงานกันครั้งที่ 3 แล้วระหว่าง Steve Aoki กับวง BTS และดูเหมือนว่าทุกครั้งที่เพลงถูกปล่อยออกมาจะประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ถึงแม้ววง BTS จะเคยร้องเพลงภาษาอังกญฤมาแล้วมากมาย แต่เรื่องการออกเสียงบางอย่างอาจจะไม่เป๊ะแบบเจ้าของภาษา แต่นั้นคือเสน่ห์ที่ Steve Aoki ได้บอกเอาไว้ว่า “ผมไม่ได้ต้องการความสมบูรณ์แบบ แล้วก็ไม่ต้องการให้ออกสำเนียงอเมริกันได้อย่างถูกต้อง ผมแค่ต้องการให้พวกเขาร้องเพลงออกมาจากความรู้สึกข้างในเท่านั้นเอง เพราะการร้องเพลงออกมาจากข้างในมันทำให้คนฟังได้สัมผัสถึงความตั้งใจที่พวกเขาพยายามสื่อออกมา”
หลังจากที่ซิงเกิ้ลถูกปล่อยออกไปเมื่อเดือนตุลมคม ดูเหมือนว่ามันจะทะยานขึ้นสูงอันดับ 1 ของ Apple Music ได้อย่างไม่ยากเย็น ทำให้ Steve ต้องออกมาแถลงข่าวเกี่ยวกับความสำเร็จในครั้งนี้ รวมถึงพูดถึง Crazy Rich Asians ด้วยว่า “หลังจากที่ Crazy Rich Asians ถูกปล่อยออกมา มันทำให้ผมรู้สึกว่ามันมีพลังบางอย่างแอบซ่อนอยู่ ซึ่งผมไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานานมากแล้ว ยิ่งมันประสบความสำเร็จในอเมริกาด้วย มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกเหมือนเป็นตัวแทนของชาวเอเชียที่ไม่ได้รับความนิยมมานานในสื่อของเมืองนอก และการที่ผมไปออกรายการนี้มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่าผมได้แสดงให้คนทั้งโลกเห็นศักยภาพของชาวเอเชียที่มีอยู่ในตัวเอง เพราะเราใช้ผู้กำกับและนักแสดงเป็นชาวเอเชียทั้งหมด”
ดูเหมือนว่าความสำเร็จของ Steve Aoki นอกจากจะมาจากความรักและความมุ่งมั่นของตัวเขาเองแล้ว เขายังได้รับการสนับสนุนจากชาวเอเชียอีกด้วย ตัวเขาเองก็เคยมีประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับการเติบโตในเมืองทีมีแต่คนผิวขาวถึง 96% มันทำให้เขาสัมผัสได้ถึงความแปลกแยกของคนบางกลุ่ม ในขณะเดียวกันก็รับรู้ได้ถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของคนอีกกลุ่ม นั่นเป็นจุดที่ทำให้เขาลุกขึ้นมาทำดนตรีเพื่อลบสิ่งเหล่านี้ออกไป และทำให้มีแต่คนยอมรับในตัวตนของเขานั่นเอง
“ผมรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ผมสามารถค้นหาเส้นทางของตัวเองจนพบ และสามารถทำมันให้ประสบความสำเร็จได้ด้วย ผมอยากจะบอกกับคนที่อายุน้อยกว่าผมรวมถึงเด็ก ๆ ชาวเอเชียที่คิดว่าตัวเองไม่มีพรสวรรค์อะไรเลย ความจริงแล้วพวกคุณอาจจะสามารถทำอะไรที่สร้างความน่าชื่นชมออกมาโดยที่ไม่รู้ตัวก็เป็นได้ จงเชื่อมั่นในตัวเองเข้าไว้” Steve Aoki กล่าว
เขาให้เครดิตกับ Crazy Rich Asians เป็นพิเศษ เพราะนอกจากจะประสบความสำเร็จอย่างล้มหลามแล้ว มันยังเป็นเหมือนประตูที่เปิดให้ศิลปินชาวเอเชียมีตัวตนมากขึ้นอีกด้วย Steve Aoki กล่าวว่า “สิ่งที่ผมเห็นตอนนี้คือความก้าวหน้าทางวัฒนธรรมที่เกิดขึ้น”
แล้วด้วยความหลงใหลใน Bruce Lee มาตั้งแต่เด็กนั้นทำให้เขามีความคิดที่ว่าการหลงใหลและเคารพในคนคนหนึ่งนันจะสามารถเกิดขึ้นได้อีกครั้งกับวง BTS
ดูเหมือนว่าความหลงใหลซุปเปอร์สตาร์ในวัยเด็กของ Steve Aoki จะเป็นแรงผลักดันและแรงบันดาลใจให้เขาทำร่วมงานกับคนอื่น ๆ ได้ และเมื่ออยู่ในจุดที่เรียกได้ว่า “ประสบความสำเร็จ” เขาก็มีความรู้สึกอยากจะเป็นแรงผลักดันและเป็นแรงบันดาลใจกับศิลปินรุ่นต่อ ๆ ไป เหมือนที่เขากำลังพยายามสร้างให้กับวง BTS โดยการทำงานร่วมกันนั่นเอง
เขามีความหวังว่าวง BTS จะกลายเป็นเหมือน Bruce Lee ในยุคนี้ที่เป็นทั้งต้นแบบในเรื่องต่าง ๆ รวมถึงสามารถสร้างแรงผลักดันและเป็นแรงบันดาลใจให้คนทั้งโลกอยากทำตามความฝัน รวมถึงทำฝันให้ประสบความสำเร็จได้ด้วย
ไบรท์ออนไลน์ ต้องบอกเลยว่าความคิดของ Steve Aoki นั้นช่างล้ำเลิศจริง ๆ เพราะเขาไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นเพียงแค่ศิลปินเท่านั้น แต่เขายังอยากช่วยเหลือชาวเอเชียรวมถึงคนที่มีความฝันอีกด้วย ยังไงถ้าคุณกำลังมีความฝันอยู่ล่ะก็ ลองพยายามให้ถึงที่สุด รับรองว่าความสำเร็จต้องอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมอย่างแน่นอน เราขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่มีความฝันค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก : NextShark
ขอบคุณภาพจาก : steveaoki