การสักยังคงเป็นประสบการณ์ที่สนุกสนานสำหรับกลุ่มคนที่ชื่นชอบ เป็นเสมือนเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายอย่างหนึ่งที่อยู่บนร่างกาย เป็นส่วนหนึ่งที่แสดงออกถึงความเป็นตัวตนของคนนั้น แต่สำหรับบางคนอาจจะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้!
เชื่อว่าหลายคนไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับตัวเองบ้างหลังจากสักไปแล้ว อาจจะมีผลกระทบต่อสุขภาพ แม้กระทั่งก่อนที่จะตัดสินใจลบรอยสักก็อาจจะมีผลกระทบ ภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ หรือความเสี่ยงก็ได้ วันนี้ ไบรท์ออนไลน์ได้รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจมาให้แล้วค่ะ
1.การอักเสบ
รู้ไหมคะว่ารอยสักอาจจะกระตุ้นภูมิต้านทานให้ร่างกายเรามีอาการผิวหนังอักเสบได้ ถึงแม้จะยังไม่มีสาเหตุที่ชัดเจน แต่ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้เสมอถ้าเกิดว่ามีสิ่งแปลกปลอมสัมผัสกับผิวหนังเป็นเวลานาน หรือตอนที่เรานั่งสักเป็นเวลานาน อาจจะเกิดเลือดคั่งใต้ผิวหนังหรือเม็ดสีในผิวหนังเปลี่ยนแปลงก็ได้
2.ปฏิกิริยาการแพ้
บางคนอาจจะมีอาการแพ้หลังจากสักได้เพราะน้ำหมึกที่ใช้สัก โดยทั่วไปแล้วคนส่วนมากมักเกิดอาการแบบนี้กันในช่วง 2 – 3 เดือนแรกของการสักเท่านั้นค่ะ แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่เป็นอีกรอบ และอาการพวกนี้อาจส่งผลกระทบให้เกิดการคันบริเวณที่สัก หรือเกิดการอักเสบได้
3.ตรวจสอบโรคมะเร็งผิวหนังได้ยาก
บางทีรอยสักก็ส่งผลกระทบต่อกระบวนการทางการแพทย์ได้ค่ะ เพราะถ้าจู่ๆ เรามีเหตุให้ต้องไปตรวจผิวหนังกับแพทย์เฉพาะทางขึ้นมา โดยเฉพาะตรวจ ‘มะเร็งผิวหนัง’ ด้วยแล้ว รอยสักสวยๆ ก็อาจมีผลทำให้การวินิจฉัยคลาดเคลื่อนได้ เพราะเม็ดสีและลวดลายจากการสักอาจบดบังเจ้ามะเร็งผิวหนังนั่นเอง
4.ภาวะแทรกซ้อนระหว่างการรักษาด้วย MRI
ส่วนหนุ่มสาวผู้หลงรักรอยสักคนไหนที่มีโรคประจำตัวและต้องเข้ารับการตรวจรักษาด้วยวิธีการ ‘MRI’ อาจทำได้ยากสักหน่อยค่ะ เพราะว่าเม็ดสีบางชนิดที่ใช้ในการสักนั้นอาจจะทำปฏิกิริยาบางอย่างกับเครื่องก็เป็นได้! ซึ่งผลข้างเคียงก็คืออาจจะทำให้บริเวณที่สักมีรอยบวม ดีไม่ดีอาจเกิดเป็นแผลไหม้เลยด้วย คราวนี้คุณหมอก็จะวินิจฉัยได้ลำบากหน่อยล่ะค่ะ ทางที่ดีควรแจ้งแพทย์ก่อนนะคะว่าคุณมีรอยสักสวยๆ ตรงไหนบ้าง
5.ความเสียใจ
มีหลายคนค่ะที่มารู้ใจตัวเองหลังสักไปแล้วว่า รสนิยมฉันเปลี่ยนไปแล้วนะ! จากที่เคยหลงใหลในรอยสัก กลับไม่ชอบให้มีอะไรอยู่บนร่างกาย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้แล้วเพราะว่าการสักคือการวาดลวดลายลงบนผิวหนังของเรา และถึงแม้คุณจะทำการลบรอยสักไปแล้วด้วยวิธีใดก็ตาม แต่ความรู้สึกว่าครั้งหนึ่งเราเคยสักนะก็จะยังคงอยู่ค่ะ เรียกว่ารอยสักเหล่านั้นเป็นเครื่องเตือนใจได้ดีเชียวล่ะ!
6.การกำจัดรอยสัก
หลังจากที่รสนิยมความชอบเปลี่ยนก็จะมีความคิดว่า “อยากลบรอยสัก” แต่ก็ทำได้ไม่มาก เพราะวิธีการลบรอยสักนั้นยุ่งยากและวุ่นวายพอสมควรค่ะ ถึงแม้จะกำจัดด้วยเลเซอร์อย่างเทพก็ไม่ช่วยให้รอยสักหายไป แถมยังทิ้งร่องรอยและแผลเป็นให้เราดูต่างหน้าอีกต่างหาก
7.กลากและโรคสะเก็ดเงิน
การไม่ใส่ใจดูแลผิวให้สม่ำเสมอ อาจจะเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอย่าง “กลากและโรคสะเก็ดเงิน” ได้ ถึงแม้จะไม่มีประวัติการแพ้สารเคมีก็ตาม ไม่ใช่โรคติดต่อหรอกนะคะแต่สามารถเกิดได้ทุกส่วนของร่างกาย
8.ผิวแห้ง
อาการ ‘ผิวแห้ง’ หลังการสัก เป็นเรื่องปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้ ไม่ต้องตกใจไปค่ะ เพราะผิวบริเวณที่สักจะขาดความชุ่มชื้นกว่าที่อื่นหลายเท่า สามารถแก้ได้ด้วยการบำรุงผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ที่อ่อนโยนและไม่ระคายเคืองกับผิวนั่นเอง
สำหรับคนที่ชื่นชอบในรอยสักควรดูแลบริเวณที่สักเป็นพิเศษ ยิ่งออกไปข้างนอกยิ่งต้องปกป้องรอยสักจากรังสียูวีให้มากที่สุด เพราะนี่เป็นสาเหตุหลักของ ‘การซีดจาง’ ลายเส้นที่เคยสักไว้ไม่คมชัด เพียงดูแลด้วยการทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ควบคู่ไปกับการใช้สบู่และครีมบำรุงผิวไปพร้อมกับส่วนอื่นของร่างกาย เพื่อให้รอยสักและผิวของเรามีสุขภาพดี
ในความเป็นจริงแล้วรอยสักไม่ใช่ตัวกำหนดความดีของใคร เพราะเป็นเพียงหนึ่งในการแสดงออกทางตัวตน แต่อย่างไรก็ตามถ้ายิ่งดูแลรอยสักให้สวยงามจะยิ่งน่ามองขึ้นใช่ไหมล่ะคะ?
ที่มา bustle.com
เรื่องอื่นที่น่าสนใจ
“ควรไปต่อหรือพอแค่นี้” เช็คให้ดีว่า เพื่อนรักหรือเพื่อนร้าย
“เด็กไทยไม่แพ้ชาติใด” มารู้จักไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย
5 สิ่งที่ควรรู้ก่อนเรียนจบ “รับปริญญา” เพื่ออนาคตของตัวเราเอง