เว็บไซต์ The Guardian ได้จัดอันดับ ‘The Best Sustainable Hotels’ หรือ ที่สุดของโรงแรมเพื่อความยั่งยืน ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งน่าภูมิใจมากที่มีชื่อโฮสเทลและรีสอร์ทของไทยติดโผนี้ถึง 3 แห่งด้วยกันค่ะ
ก่อนอื่นอยากชวนมาทำความเข้าใจกับคำว่า ‘Sustainable’ ของ The Guardian กันค่ะ จริงๆ คำว่า Sustainable นั้นแปลความหมายตรงๆ ก็คือ ‘ความยั่งยืน’ ดังนั้น สิ่งที่เว็บไซต์นี้กำลังกล่าวถึงในการจัดอันดับครั้งนี้จึงหมายถึงโรงแรมที่พักที่มีการจัดการแบบ ECO หรือเชิงนิเวศ เน้นการอนุรักษ์พลังงาน การนำกลับมาใช้ และการลดการใช้ทรัพยากรที่ไม่จำเป็น เพื่อคืนสิ่งดีๆ สู่ธรรมชาติและลดผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนนั่นเองค่ะ
เอาล่ะ! คราวนี้ก็มาดูกันได้แล้วว่าที่ไหนในประเทศไทย ที่น่าสนใจให้เราหลบไปพักใจ แล้วอิงแอบในสไตล์ ‘คนรักษ์โลก’ ได้บ้าง
The Yard Hostel (กรุงเทพฯ)
‘The Yard’ คือโฮสเทลกลางป่าคอนกรีตย่านอารีย์ ใจกลางกรุงเทพมหานคร ที่โครงสร้างบางส่วนดัดแปลงมาจากตู้คอนเทนเนอร์ที่นำกลับมาใช้ใหม่ และใช้กระดาษรีไซเคิลเป็นฉนวนเพื่อให้ตัวอาคารมีความเย็น อีกทั้งยังใช้หลอดไฟ LED และเครื่องปรับอากาศอินเวอร์เตอร์เพื่อประหยัดพลังงาน ขวดน้ำและแก้วน้ำสำหรับแขกที่มาพักก็เป็นแบบรีฟิล (ไร้พลาสติกจ้า) นอกจากนี้สวนที่เห็นว่าเขียวขจีก็เพราะปุ๋ยดีๆ ที่ได้จากการหมักขยะอินทรีย์นั่นเอง ความเก๋อีกอย่างของที่นี่คือชื่อ The Yard ที่คำว่า ‘Yard’ หมายความถึงความเขียวขจีของสวน เล่นเสียงกับคำว่า ‘ญาติ’ ในภาษาไทยนั่นเอง
Photo via: Instagram theyardbangkok
สามพราน ริเวอร์ไซด์ (นครปฐม)
สามพรานริเวอร์ไซด์ ถือเป็นผู้บุกเบิกด้าน ‘Sustainable Hotel’ ตั้งแต่เริ่มเปิดตัวในปี 2505 เลยค่ะ โดยที่นี่มีจุดเด่นในการนำศิลปวัฒนธรรมไทยมาแสดงสด และยังมีการทำ Workshop แบบลงมือทำด้วยตัวเองจริงๆ ด้วย
ที่สำคัญคือสามพรานริเวอร์ไซด์ได้นำเอาการท่องเที่ยวแบบออร์แกนิกเข้ามาใช้ มีการประสานส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างเกษตรกรและผู้บริโภค สนับสนุนการค้าแบบ Trade Fair ห้ามใช้สารเคมีในการเกษตร ทั้งยังฝึกอบรมพนักงานในการจัดการเศษอาหารตามหลักการปฏิบัติที่ยั่งยืนด้วย แขกผู้เข้าพักสามารถเข้าคอร์สฝึกงานฝีมือของไทยโบราณ ว่ายน้ำในสระที่ปราศจากคลอรีน (ระบบโอโซน) เยี่ยมชมฟาร์มในท้องถิ่น และ ‘ปฐม’ (Patom Organic Farm) ซึ่งเป็นฟาร์มออร์แกนิกของโรงแรมได้ด้วย
Photo via: Instagram sampranriverside
Golden Buddha Beach Resort (เกาะพระทอง จ.พังงา)
Golden Buddha Beach Resort คือ 1 ใน 6 โรงแรมบนเกาะพระทอง จ.พังงา ที่ไม่เพียงมอบความสะดวกสบายให้ผู้เข้าพักเช่นเดียวกับโรงแรมทั่วไปที่มีคลับเฮ้าส์และบาร์ริมชายหาดเท่านั้น แต่บังกะโลและบ้านพักของที่นี่ไม่มีเครื่องปรับอากาศค่ะ แต่อาศัยลมทะเลและพลังงานจากแผงโซล่าเซลล์ค่ะ
นอกจากนี้ ขยะและของเสียของที่นี่จะถูกจัดส่งไปยังแผ่นดินใหญ่เพื่อการกำจัดอย่างเหมาะสม โดยรายได้จากการรีไซเคิลจะถูกส่งคืนให้กับสตาฟฟ์ ไม่มีการใช้ถุงพลาสติกแต่จะใช้ลังไม้ หรือไม้ไผ่แบบใช้แล้วทิ้งที่สามารถกำหนดระยะเวลาการใช้งานได้
Photo via: Instagram golden Buddha Beach Resort
นอกจากรีสอร์ทและโฮสเทลทั้ง 3 แห่งของไทยแล้ว ยังมี ‘best sustainable hotels’ ในอีกหลายประเทศติดโผครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็น ‘Mango Bay Resort’ ที่ Ong Lang Beach ซึ่งเป็นรีสอร์ทริมชายหาดที่ทอดตัวยาวบนเกาะที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ‘The Baby Elephant’ ที่พักที่มุ่งเน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืน ใจกลางเสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา ที่เน้นการนำของเสียมาทำเป็นปุ๋ยหมักและอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงในฟาร์ม ไปจนถึงน้ำมันปรุงอาหารที่ถูกแปลงมาเป็นไบโอดีเซล นอกจากนี้ ที่พักอีกหนึ่งแห่งของกัมพูชาที่ติดโผเข้ามาก็คือ ‘Eden Eco Village’ ที่กำปอต ซึ่งเป็นบังกะโลไม้ไผ่หลังคามุงจาก และใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์
ฝั่งประเทศหมู่เกาะอย่างอินโดนีเซียก็ไม่น้อยหน้า ติดโผเดอะเบสท์มา 2 แห่ง ได้แก่ ‘Lodges Ekologika, Pesawahan, Cicurug’ ซึ่งบังกะโลทำจากไม้สักรีไซเคิล ในขณะที่ห้องพักรวมดัดแปลงมาจากยุ้งข้าว โดยห้องพักใช้ประโยชน์จากพลังงานแสงอาทิตย์ และมีการกักเก็บน้ำฝนด้วย ส่วนอีกแห่งคือ ‘Janur Bungalow’ ในเนินเขาสูงตระหง่านเหนือบุโรพุทโธ (Borobudur) อันสง่างาม บังกะโลของ Janur ทำจากเศษไม้ที่ถูก repurpose โดยคานและแผ่นไม้มาจากบ้านไม้เก่าอายุ 100 ปี!
The Best 2 แห่งสุดท้ายคือ ‘The Frangipani Langkawi Resort and Spa’ ในประเทศมาเลเซีย และ ‘Oasia Downtown’ ในสิงคโปร์ ที่ต่างเน้นเรื่องความเขียวขจีและสิ่งแวดล้อมที่ดีของที่พักอาศัย เรียกว่าเน้นความ ECO กันสุดๆ ไปเลยล่ะ
Photo via: Instagram golden Buddha Beach Resort
วันหยุดพักผ่อนครั้งหน้า ใครอยากไปใช้ชีวิตแบบรักษ์โลก ลองปักหมุดกันไว้ก่อนได้นะคะ ^^
ที่มา: www.theguardian.com