ครูสาวป่วยโรคซึมเศร้าฆ่าตัวตายพิสดาร จอดรถกลางแดดจนขาดอากาศหายใจ เขียนจม.ลาตายห้ามใครเลียนแบบ
เมื่อวานนี้ (24 ธ.ค. 2561) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองสังข์ อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ รับแจ้งจากชาวบ้านว่า พบรถเก๋งต้องสงสัยจอดอยู่กลางไร่อ้อยมีผู้หญิงนอนเสียชีวิตอยู่ภายในรถ จึงได้แจ้งไปยัง แพทย์เวรโรงพยาบาลแก้งคร้อ และหน่วยกู้ภัยสว่างพุทธธรรมแก้งคร้อ ออกตรวจสอบที่เกิดเหตุ
เมื่อถึงจุดที่เกิดเหตุพบชาวบ้านจำนวนมากกำลังยืนจับกลุ่มมุงดูเหตุการณ์ จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ ได้นำเชือกกันชาวบ้านออกนอกเขตบริเวณที่เกิดเหตุ เนื่องจากต้องรอให้จนท.พิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบอย่างละเอียด ในเบื้องต้น พ.ต.อ.ธนะวัฒน์ ภัคะธนิตศักดิ์ รอง.ผบก.ภ.จว.ชัยภูมิ ได้ตรวจสอบรถเก๋งยี่ห้อ Nissan รุ่น Tiida สีขาวหมายเลขทะเบียน ฌภ-6711 กทม. สภาพรถประตูทุกบานถูกล๊อคปิดกระจกอย่างมิดชิดปิดเครื่องยนต์ อากาศไม่สามารถเข้าไปได้ โดยมองเข้าไปภายในตัวรถเห็นหญิงสาวอายุประมาณ 35 ปี ลักษณะนอนห่มผ้าเหยียดงอขาเอาศ๊รษะพาดเบาะไปทางด้านผู้โดยสาร
เจ้าหน้าที่กู้ภัย ได้ใช้เหล็กงัดประตูรถและนำร่างร่างหญิงสาวออกมาเพื่อให้แพทย์เวรทำการตรวจชันสูตรพลิกศพ ซึ่งจากการตรวจสอบร่างกายเบื้องต้นไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย คาดว่าเสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า 6-7 ชั่วโมงแล้ว ตรวจสอบเอกสารพบบัตรประจำตัวข้าราชการ ชื่อนางสาวแคทรียา มุขมาลี เป็นครูโรงเรียนแห่งหนึ่งในอำเภอหนองเรือ จ.ขอนแก่น
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังพบกระดาษจดหมายเขียนด้วยลายมือ คาดว่า เป็นลายมืของผู้ตาย โดยมีข้อความว่า ระบุว่า ถ้ามีใครมาพบ ก็ขอให้ติดต่อไปยังญาติๆตามหมายเลขโทรศัพท์ตามที่ระบุไว้ โดยข้อความในตอนท้ายผู้ตายได้เขียน ขอความกรุณา เจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการให้ข่าวมันกระทบกระเทือนจิตใจญาติๆและเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี อาจมีการเลียนแบบข่าวเป็นแหล่งข้อมูลชั้นดีในการหาวิธีตาย
จากการสอบถามญาติๆ ทราบว่าผู้ตายมีอาการเป็นโรคซึมเศร้าและมีอาการเครียดจากปัญหาภายในครอบครัว ซึ่งผู้ตายได้ขับรถเก๋งคันดังกล่าวออกมาจากบ้านพักในเขตอำเภอหนองเรือ มาตั้งแต่เวลาตี 5 ของวันที่ 24 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งญาติๆ ได้ระดมช่วยกันออกตามหาตั้งแต่ช่วงเช้าพยายามโทรศัพท์ติดต่อแต่ไม่มีคนรับ จนกระทั่งในช่วงบ่ายมีเจ้าหน้าที่ตำรวจโทรไปแจ้งว่าพบเป็นศพเสียชีวิตอยู่ภายในรถกลางไร่อ้อย หลังจากนี้เจ้าหน้าที่ต้องนำศพไปชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง ซึ่งหากทางด้านญาติๆไม่ติดใจในสาเหตุการเสียชีวิต ก็จะได้มอบศพให้ญาตินำไปประกอบพิธีตามศาสนาต่อไป