เจ้าหน้าที่อุทยานฯไทรโยค พร้อมตำรวจ ทีมสัตวแพทย์และกองพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุแก๊งออฟโรดล่า หมีขอ พบ ปลอกกระสุนปืน ซากชิ้นเนื้อ ขนสัตว์
หลังจากที่เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติไทรโยค ดำเนินการจับกุม นายวัชรชัย สมีรักษ์ หรือ ปลัดแมน ปลัดฝ่ายป้องกันอำเภอด่านมะขามเตี้ย จังหวัดกาญจนบุรี พร้อมสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนอำเภอด่านมะขามเตี้ย 2 คนและพวกรวม 11 คน ขณะเข้าไปในป่าภายในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค พร้อมของกลางอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนจำนวนมาก รวมทั้งซากขาของ หมีขอ จำนวน 4 ขา ตั้งแต่ เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2561 ที่ผ่านมา
ล่าสุด นางสาวเนตรนภา งามเนตร ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติไทรโยค นำกำลังเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติไทรโยค พร้อมด้วยตำรวจสถานีตำรวจภูธรไทรโยค ทีมสัตวแพทย์และเจ้าหน้าที่ชุดพิสูจน์หลักฐานตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรีและคณะสื่อมวลชน เดินทางลงพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม และร่องรอยของการกระทำผิดต่างๆ โดยเริ่มออกเดินทางตั้งแต่เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 8 ตุลาคม 2561 ซึ่งการเดินทางต้องใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อยกสูงเท่านั้น เนื่องจากเส้นทางค่อนข้างยากลำบาก เป็นทางลาดชันขึ้นลงเขา และข้ามลำห้วยเป็นระยะๆ ตลอดเส้นทาง จึงทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างทุลักทุเล
กระทั่งเวลา 15.00 น. คณะเจ้าหน้าที่ได้เดินทางเข้าไปถึงจุดแรก ที่บริเวณป่าเขาพลู หมู่ที่ 8 ตำบลวังกระแจะ อำเภอไทรโยค ภายในป่าสงวนแห่งชาติป่าวังใหญ่ และป่าแม่น้ำน้อย ห่างจากแนวเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค 1.289 กิโลเมตร ซึ่งเป็นจุดที่พบขบวนรถออฟโรด จำนวน 6 คัน จากนั้นได้ปูพรมค้นหน้าหลักฐาน โดยเดินเท้าค้นหาเป็นระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร โดยใช้เวลา 30 นาที พบ ปลอกกระสุนที่ใช้แล้วจำนวนหนึ่ง จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน โดยยังไม่เปิดเผยในรายละเอียด
ต่อมาในเวลา 16.30 น. คณะเจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปถึงจุดที่สอง ซึ่งเป็นจุดที่ปลัดอำเภอและคณะพักแรม ภายในสำนักสงฆ์เต่าดำ โดยมี นายตาต้า ไม่มีนามสกุล ชาวมอญ ซึ่งเป็นผู้ดูแลสำนักสงฆ์ ออกมาพบเจ้าหน้าที่ พร้อมกับให้การว่า เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. ของวันที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมา คณะออฟโรดได้เข้ามาพักค้างแรม โดยในช่วงกลางดึกไม่ได้มีผู้ใดแยกตัวออกไปนอกเขตสำนักสงฆ์ กระทั่งรุ่งเช้าของวันที่ 7 ตุลาคม 2561 จึงเดินทางกลับออกไป เจ้าหน้าที่จึงทำการบันทึกไว้เป็นหลักฐาน
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลังกันออกค้นหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม บริเวณโดยรอบ กระทั่งพบร่องรอยของการก่อไฟ เพื่อใช้ในการประกอบอาหาร และห่างไปเล็กน้อย พบ เศษซากชิ้นเนื้อ ขนสัตว์ และกรามล่างของสัตว์ไม่ทราบชนิดที่คาดว่าอาจจะเป็นหมีขอ รวมทั้งเศษกระดูกจำนวนหนึ่ง กระจายอยู่รอบๆ บริเวณที่ก่อกองไฟ จึงดำเนินการเก็บรวบรวมหลักฐานในที่เกิดเหตุ โดยจะรวบรวมหลักฐานที่พบทั้งหมดนำไปตรวจพิสูจน์อย่างละเอียดอีกครั้ง รวมทั้งตรวจหาดีเอ็นเอเพื่อเปรียบเทียบกับซากหมีขอของกลางที่ตรวจยึดได้จากผู้ต้องหา