เสวนา “อนาคตประเทศหลังเลือกตั้ง” นักวิชาการหวั่นจุดชนวนวิกฤติรอบใหม่ จี้ “ประยุทธ์” ยกเลิกออกรายการ”คืนความสุข” หากขึ้นบัญชีนายกฯ “สุขุม” เชื่อ “บิ๊กตู่” กลับคืนอำนาจ “พปชร.” ส่งนั่งนายกฯรอบ 2 หนุน”กกต.” มีจุดยืน ต้านคสช.แทรกแซง
วันที่ 18 ม.ค. ที่อาคารกลางน้ำ โรงแรมเซ็นทรา ศูนย์ราชการ สมาคมแห่งสถาบันพัฒนาการเมืองการเลือกตั้ง จัดเสวนาวิชาการ หัวข้อ “การเลือกตั้งคุณภาพกับอนาคตประเทศไทยภายหลังการเลือกตั้ง” โดยมีนางสดศรี สัตยธรรม อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) นายสุขม นวลสกุล อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง นางสิริพรรณ นกสวนสวัสดี หัวหน้าภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนายเมธา ศิลา พันธ์ รองเลขาธิการกกต. เป็นวิทยากรผู้บรรยาย
นายสุขุม กล่าวว่า เคยผ่านการเลือกตั้งที่ไม่มีคุณภาพมาแล้ว โดยเฉพาะในปี 2500 เพราะมีการโกงจำนวนมาก ส่วนการเลือกตั้งครั้งนี้รู้แล้วว่าใครเป็นนายกฯ และกกต.ก็ไปยอมรับอำนาจคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) หากจะโดนปลดก็โดนไป ถ้าจุดยืนถูกต้องจะมีคนสรรเสริญด้วยซ้ำ เพราะถ้าให้ผู้อื่นมาเกี่ยวข้อง กกต.จะหมดคุณภาพทันที ส่วนอำนาจของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช.จะอยู่ที่พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) แต่ก่อนกน้านี้พล.อ.ประยุทธ์เกลียดประชานิยม แต่หากจะเป็นนายกฯต่อ ต้องกลายเป็นนิยมประชารัฐ ดังนั้น การเลือกตั้งครั้งนี้ประชาชนจะชี้ได้อนาคตว่าจะให้มีการสืบทอดอำนาจหรือไม่
นางสิริพรรณ กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มองได้ 3 ด้าน 1.จะเปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตย 2.จะนำไปสู่เขาวงกตในวิกฤติประชาธิปไตย และ3.การเลือกตั้งจะเป็นหน้ากากเครื่องมือให้ผู้นำที่เป็นอำนาจนิยม หรืออาจเป็นจุดเริ่มต้นวิกฤติการเมืองรอบใหม่ แต่ทั้งหมดอยู่ที่ประชาชนเป็นผู้เลือก และหวังว่าพรรคที่ได้เสียงข้างมากจะเป็นผู้ตั้งรัฐบาล แต่ถ้ามีการต่อรองเกิดขึ้นจนได้ผลอีกแบบหนึ่ง จะทำให้ประชาชนจะรู้สึกว่าคะแนนเสียงที่ออกไป ไม่มีผลต่อการกำหนดทิศทางประเทศ และจะไปลดทอนการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนได้ จึงเป็นสิ่งที่อันตราย ดังนั้นต้องแก้ไปที่ระบบเลือกตั้งรวมไปถึแก้รัฐธรรมนูญด้วย ขณะที่ระบบเลือกตั้งของไทยนั้นมีการเสนอชื่อนายกฯด้วย แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นจะไม่เกิดสายโซ่แห่งความรับผิดชอบและการยึดโยงประชาชนได้ขาดหายไป เพระประชาชนอาจชอบพรรค แต่ไม่ชอบผู้สมัครเลย แต่กลับไม่มีทางเลือก
“คสช.เป็นผู้ออกแบบ เลือกคนมาร่างกติกา และอาจจะมาเป็นผู้เล่นเอง รวมถึงจะมาเปลี่ยนกติกาได้ด้วย เช่น เบรคการแบ่งเขตเลือกตั้งของกกต. ถ้าพล.อ.ประยุทธ์เป็นแคนดิเดตนายกฯ ควรจะยกเลิกรายการคืนความสุข เพราะถ้าไม่ยกเลิกจะถูกมองได้ว่า ผู้เล่นทางการเมืองจะได้เปรียบกันเกินไป จนถูกตั้งคำถามถึงความชอบธรรมถึงผลการเลือกตั้งในภายหลังได้”นางสิริพรรณ กล่าว
ด้านนางสดศรี กล่าวว่า ขณะนี้ต้องมองว่ากกต.เป็นที่พึ่งของประชาชนในการจัดการเลือกตั้ง กกต.ต้องวางตัวเป็นกลาง และต้องเป็นกลางจริงๆ ถ้าจะวินิจฉัยกับพรรคการเมืองใดก็ต้องเท่ากัน เพราะกกต.เป็นองค์กรต้องชี้ขาด แต่ครั้งนี้เสียงจากกกต.ทั้ง 7 คนค่อนข้างเงียบ แต่ในยุคตนต้องเสียงดังเพื่อยุติข้อครหา แต่ตอนนี้กกต.กลายเป็นกระสุนตกแล้ว หากมีคำสั่งที่จะติดคุกและชี้อนาคต กกต.ขอให้อย่าทำ ถ้าไม่กล้าความเสื่อมจะเข้ามาทันที ดังนั้นขอเตือนกกต.ชุดนี้ว่าเมื่อได้รับการคัดเลือกเข้ามาควรทำงานแสดงฝีมือออกมาเพื่อไม่ให้การทำหน้าที่เสียเปล่า ขณะที่รัฐบาลเป็นนักการเมืองและรัฐบาล ได้ประโยชน์ก็ตีความเป็นนโยบายรัฐบาลที่มีอำนาจเต็ม จึงขอให้กกต.ชุดนี้เป็นอิสระเพื่อยืนได้ด้วยตัวเอง โดยไม่จำเป็นต้องมีมาตรา 44 แล้ว
ขณะที่นายเมธา กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ยืนยันว่า กกต.มีความทุ่มเท ไม่เข้าใครออกใคร มีการพูดถึงกันในที่ประชุมภายในกกต.ว่า กกต.มีอำนาจจะไปฟังคนอื่นทำไม ส่วนเรื่องการมีภาพบุคคลภายนอกในป้ายหาเสียงนั้น ส่วนตัวคิดว่าต้องมีกฎหมายรับรองไว้ว่าสิ่งใดทำได้และไม่ได้ ทั้งนี้ หากจะให้เบอร์เป็นเบอร์เดียวกันต้องมีเสียงเป็นเอกฉันท์โดยพรรคการเมือง เชื่อว่าจะมีการหารือในการประชุมระหว่าง กกต.กับพรรคการเมืองในวันพรุ่งนี้ และขณะนี้ตามข่าวเชื่อว่าจะไม่มีการชัตดาวน์การเลือกตั้ง