“ญาติฯพฤษภา35-ภาคปชช.” ปลุกแนวร่วมกระชากหน้ากาก “คสช.” เอื้อประโยชน์กลุ่มทุนใหญ่ ย้ำเดินหน้าขวางสืบทอดอำนาจ
วันที่ 21 ธ.ค. เวลา 13.30 น. ที่ห้องประชุมชั้น 2 สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ถ.สามเสน คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 และคณะตรวจสอบภาคประชาชน จัดแถลงข่าว “การทุจริตฉ้อฉลและประพฤติมิชอบของรัฐบาลในโครงการขนาดใหญ่ก่อนการเลือกตั้ง” โดยมีนายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นางรสนา โตสิตระกูล คณะตรวจสอบภาคประชาชน และนาย ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย และนายพิภพ ธงไชย อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และอดีตประธานคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย(ครป.) ร่วมแถลง
นายอดุลย์ กล่าวว่า รัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ทำโครงการบิ๊กโปรเจ็กต์ที่มีลักษณะไม่ชอบมาพากล ส่อไปในทางไม่สุจริต นำไปสู่การประพฤติมิชอบ ที่สำคัญมีการเอื้อประโยชน์ต่อนายทุน หรือกลุ่มทุนใหญ่ในประเทศเป็นอย่างมาก อาทิ ไการประมูลรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ในพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก การประมูลแหล่งพลังงานบงกช –เอราวัณ เป็นต้น ซึ่งคณะกรรมการญาติวีรชนฯ รวมถึงคณะกรรมการตรวจสอบภาคประชาชน ได้คัดค้านมาโดยตลอด แต่ไม่มีการฟังเหตุผลใดๆ เพราะประชาชนและประเทศชาติเสียประโยชน์ ดังนั้นจะไม่ยอมให้การทุจริตผ่านไปได้ โดยเฉพาะการสืบทอดอำนาจ
“มีเจ้าสัวระดับแถวหน้าของประเทศออกมาเปิดเผยผ่านสื่อก่อนหน้านี้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ได้โทรหาเจ้าสัวคนนี้ เพื่อขอให้รับบิ๊กโปรเจ็กต์ของอีอีซีไปดำเนินการ ผมอยากถามพล.อ.ประยุทธ์ว่าได้มีการโทรไปหาแล้วพูดแบบนั้นจริงหรือไม่ จึงขอให้พล.อ.ประยุทธ์ ออกมาพูดผ่านสื่อในเรื่องนี้ให้ชัดเจน เพราะที่ผ่านมาไม่ว่า จะรัฐบาลปกติ หรือรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร ล้วนมีการทุจริตทั้งนั้น”นายอดุลย์ กล่าว
ด้านนายศรีสุวรรณ กล่าวว่า คสช.ไม่ได้ตั้งใจที่จะเข้ามาแก้ไขทุจริตอย่างแท้จริง กลับยิ่งเชิญนายทุน นักธุรกิจเข้ามาร่วมมีส่วนสำคัญในรัฐบาล คำสั่งคสช.ที่ออกมามักเอื้อให้กับกลุ่มคนเหล่านี้ โดยไม่เคารพกฎหมายในประเทศ ทั้งที่ พล.อ.ประยุทธ์ มักพูดว่าให้ทุกฝ่ายเคารพกฎหมาย แต่ตัวเองก็ทำเอง องค์กรอิสระมีสภาพอ่อนเปลี้ย ไม่มีผลงานมากพอในการตรวจสอบ ดังนั้นคณะกรรมการตรวจสอบภาคประชาชนจึงต้องนำความจริงมาเปิดเผยให้ประชาชนตาสว่าง โดยจะกระชากหน้ากาก คสช.ให้ได้ ว่าเข้ามาเพื่อพัฒนาประเทศจริงหรือไม่ หรือเข้ามาเพื่อผลประโยชน์
ขณะที่น.ส.รสนา กล่าวว่า การประมูลแหล่งพลังงานบงกช – เอราวัณ เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มหนึ่ง นำไปสู่การผูกขาดครบวงจรของกลุ่มทุนนี้ เพราะครอบครองทุกอย่างที่เชื่อมโยงกับด้านพลังงาน ดังนั้นจะเดินสายไปพบกับบรรดาพรรคการเมืองต่างๆ เพื่อหารือถึงจุดยืนด้านพลังงาน ซึ่งหลายๆพรรคได้ตอบรับแล้ว โดยจะเริ่มที่พรรคประชาธิปัตย์ ในวันที่ 26 ธ.ค.นี้ เวลา 10.00 น. จากนั้น จะไปพรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย พรรคอนาคตใหม่ พรรคสามัญชน ต่อไป
นายพิภพ กล่าวว่า ในเรื่องพลังงาน ยังไม่เห็นพรรคการเมืองใดหยิบยกขึ้นมาเป็นนโยบาย ดังนั้นคงไม่มีหวัง เพราะพรรคการเมืองเมื่อเป็นรัฐบาล มักร่วมมือกับนายทุนภาคเอกชนอยู่แล้ว ที่ผ่านมามีการรวมตัวเดินขบวนเรียกร้อง เพราะรัฐบาลไม่ฟังเสียงประชาชน ทำไมคนไทยไม่รู้สึกว่าน้ำมันแพง หรือค่าครองชีพสูงอันมาจากสาเหตุจากปัญหาด้านพลังงาน หากเรายังไม่รู้สึกในเรื่องนี้มากพอ กลุ่มนายทุนก็จะขี่คอประชาชนไปตลอด